ถามแพทย์

  • ตาล้ามา 3-4 วัน มีเบลอๆมัวๆ ที่หางตาด้านซ้าย มา 2 วัน เป็นวุ้นในตาเสื่อมอยู่และใช้สายตาเยอะ จะเป็นตาล้าหรือไม่

  • สวัสดีค่ะ พอดีว่ามีอาการตาล้ามาได้สามสี่วันแล้วค่ะ แต่ช่วงสองวันหลังอยู่ๆหางตาด้านซ้ายเหมือนจะเบลอๆมัวๆ ไม่สบายตาเลยค่ะ บวกกับตาไม่โฟกัสด้วยจากอาการตาล้า มันเป็นอาการอีกอย่างของตาล้ารึเปล่าคะ ค่อนข้างเครียดค่ะเพราะเป็นวุ้นในตาเสื่อมอยู่และใช้สายตาเยอะ กลัวจะเป็นอาการอื่นที่ไม่ใช่ตาล้า

    สวัสดีค่ะ คุณ โอนิซึกะ เอคิจิ,

                          อาการตาล้า คืออาการที่หลังจากใช้สายตาอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน เช่น จากการอ่านหนังสือนานๆ ขับรถ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้สมาร์ทโฟนต่อเนื่องนาน ใช้สายตาในที่มืดหรือแสงน้อย ทำงานที่ต้องใช้เพ่งสายตาตลอดเวลา หรืออาจเกิดดวงตาสัมผัสกับลมจนทำให้ตาแห้ง อาการได้แก่  ปวดตา ปวดกระบอกตา ตาแห้ง คันตา แสบตา มีน้ำตาไหล ตาแดง ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด หรือดวงตาไวต่อแสงมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ อาการเหล่านี้ยังอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว เหนื่อยล้า เวียนศีรษะได้ด้วย อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้จะหายไป เมื่อมีการพักการใช้สายตาค่ะ แต่ก็อาจกลับมาเป็นได้ใหม่ หากใช้สายตาอีก

                             นอกจากนี้แล้ว อาการมองเห็นภาพพร่ามัวดังกล่าว อาจเกิดจาการมีสายตาที่เปลี่ยนไปก็ได้ เช่น สายตายาว สายตาสั้น สายตาเอียง เป็นต้น 

                           ส่วนอาการของน้ำวุ้นตาเสื่อม มักเริ่มจากการมองเห็นจุดหรือเส้นสีดำลอยไปลอยมา โดยเฉพาะเวลากรอกตา หรือมองที่ผนังสีขาว หรือมองท้องฟ้า เมื่อเป็นมากขึ้น วุ้นในลูกตากลายสภาพจากวุ้นไปเป็นของเหลวและมีการหดตัว โดยกระบวนการดังกล่าวจะทำให้เกิดการลอกตัวของวุ้นลูกตาออกจากจอประสาทตา เกิดแรงดึงบนจอประสาทตาและทำให้เรามีอาการเห็นแสงวาบหรือฟ้าแลบได้ และแรงดึงอาจทำให้จอประสาทตาฉีกขาดเป็นรู และจอประสาทตาที่เป็นรูก็อาจเกิดการหลุดลอกออกมา ทำให้เรามองเห็นเป็นเงาหรือม่านดำมาบังภาพเอาไว้

                         ดังนั้น หากมีเฉพาะการมองเห็นภาพพร่ามัว โดยเกิดเป็นพักๆ ยังไม่มีการเห็นแสงแฟลช ไม่มีเงาดำลักษณะคล้ายม่านมาบดบังการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมด ก็ยังไม่น่าใช่อาการจากน้ำวุ้นตาเสื่อมที่ทำให้เกิดจอประสาทตาลอกค่ะ

                        ในเบื้องต้น ควรลดการใช้สายตาลง โดยไม่ว่าจะใช้สายตาทำอะไร ควรพักสายตาอย่างน้อย 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที โดยให้มองสิ่งที่อยู่ไกลๆ มากกว่า 20 ฟุต โดยไม่ต้องเพ่งมอง บริหารดวงตาด้วยการกลอกตาไปมาบ่อยๆ กระพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้น หากรู้สึกมองภาพพร่ามัว เบลอ หรือมีปวดตา เคืองตา ให้รีบพักการใช้สายตา และอาจใช้น้ำตาเทียมช่วย จัดตำแหน่งการมองที่เหมาะสม โดยควรให้จอคอมพิเตอร์หรือมือถืออยู่ห่างสายตามากกว่า 45 เซนติเมตร จออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย มีแสงสว่างส่องเข้ามาทางด้านหลังพอเพียง  ปรับแสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือไม่ให้สว่างมากเกินไป ใช้อุปกรณ์กรองแสงช่วย ห้ามปิดไฟ หรือใช้คอมพิเตอร์และมือถือในที่มืด หมั่นกระพริบตาบ่อยๆ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการมองแสงจ้า หากต้องออกแดด ก็ควรสวมใส่แว่นตากันแสง ทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงและสารอาหารอื่นๆ ที่บำรุงสายตาเป็นประจำ เช่น แครอท ผักโขม ฟักทอง มะละกอ ผักบุ้ง ตำลึง ส้ม ผักและผลไม้ต่างๆ ที่มีสีม่วง ไข่แดง นม เป็นต้นย รวมทั้งปรับแสงให้เหมาะสมกับการทำงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ 

                          หากอาการไม่ดีขึ้น ยังคงเห็นภาพพร่ามัวต่อเนื่อง มีอาการปวดตาต่อเนื่อง แนะนำควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจค่ะ และควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำสม่ำเสมอด้วยค่ะ