ถามแพทย์

  • หลังมีเพศสัมพันธ์ 1วัน จะมีอาการปวดช่องคลอด และตกขาวสีปนเลือด เป็น 2 วันก็หาย เป็น 2ครั้งติดกัน เกิดจากอะไร

  •  an111
    สมาชิก
    หลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว1วัน มีอาการปวดช่องคลอดและมีตกขาวสีขาวขุ่นปนเลือดมีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นประมาณ2วันก็หาย เป็น2ครั้งติดกันหลังมีเพศสัมพันธ์ อาการแบบนี้เกิดจากสาเหตุอะไรคะ ควรรักษาอย่างไงคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ an111,

                       อาการปวดในช่องคลอดและมีตกขาวมีเลือดปน ซึ่งเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ น่าจะเกิดจากการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยอาจเป็นหนองในแท้ หรือหนองในเทียม หรือเกิดจากการติดเชื้อปรสิตในช่องคลอดก็ได้ ส่วนโรคเริมนั้น ไม่น่าใช่ เพราะเริมจะทำให้เกิดตุ่มน้ำใส แล้วตามด้วยการเป็นแผลที่อวัยวะเพศภายนอก ร่วมกับมีอาการเจ็บ แสบ ปวดค่ะ 

                        ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ แต่น้อย เช่น การมีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก หรือมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

                       แนะนำว่าหากยังคงมีอาการ ควรไปพบสุติ-นรีแพทย์เพื่อให้การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพื่อให้การรักษาที่ตรงกับโรค ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะหากเป็นการติดเชื้อหนองในจริง เชื้ออาจเข้าสู่มดลูก ทำให้เกิดมดลูกอักเสบตามมา ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ และมีลูกยากได้ค่ะ

                        นอกจากนี้ หากฝ่ายชายมีหรือเคยมีอาการผิดปกติมาก่อน เช่น มีน้ำหรือหนองไหลจากอวัยวะเพศ ก็ควรพาฝ่ายชายไปรักษาพร้อมกันด้วยค่ะ