ถามแพทย์

  • หยุดยาคุมมาสองเดือนแล้วประจำเดือนไม่มา ควรไปพบแพทย์ไหม

  •  Unary
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันอายุ 27 ปี ทานยาคุมมา 2 ปีเกือบ 3 ปี (ยี่ห้อ ไดแอน แบบ 21เม็ด ) ดิฉันหยุดเม็ดสุดท้าย 29 ตุลาคม และมีประจำเดือนหลังจากนั้น1สัปดาห์ ซึ่งคือรอบเดือนปกติ หลังจากนั้นไม่ได้ทานยาแล้วค่ะ แต่ประจำเดือนในเดือน. มาปกติ (1-5 ธ.ค.) หลังจากประจำเดือนธ.ค. หมด1สัปดาห์ ดิฉันมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันค่ะ แต่มีการหลั่งภายนอก นับจากวันที่มีประจำเดือนวันสุดท้ายถึงวันนี้ 42วันแล้วค่ะ (รอบเดือนปกติ 28-30วันค่ะ) ดิฉันมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย เจ็บเต้านม ทั้งช่วงไข่ตก และช่วงที่คาดว่าจะมีประจำเดือนค่ะ มีการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองแล้วสองครั้ง ช่วงที่คาดว่ารอบเดือนปกติ และเมื่อครบ40วันค่ะ อยากสอบถามคุณหมอว่าดิฉันควรไปพบแพทย์หรือยังคะ หรือมีความเป็นไปได้ ความผิดปกติใดได้บ้างคะ ขอบคุณค่ะ
    Unary  Unary
    สมาชิก
    เพิ่มเติมค่ะ การตรวจทั้งสองครั้งผลเป็นลบ ซึ่งคือไม่พบการตั้งครรภ์นะคะ

    สวัสดีครับ คุณ Unary

    จากประวัติ หากตรวจการตั้งครรภ์หลังประจำเดือนครั้งสุดท้ายเกิน 1 เดือน 2 ครั้ง แล้วให้ผลลบ  ก็น่าจะแสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

    อย่างไรก็ดี หากยังมีปัญหาประจำเดือนขาด โดยที่ไม่มีการตั้งครรภ์นั้น ก็อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ได้ครับ

    1. น้ำหนักลด อดอาหาร

    2. โรคถุงน้ำหลายในรังไข่ ทำให้การตกไข่ผิดปกติ

    3. โรคทางกายอื่นๆ เช่น ภาวะธัยรอยด์ต่ำ

    4. ต่อมใต้สมองที่ผลิตฮอร์โมนมีปัญหา 

    5. ความเครียด

    ในกรณีนี้ หากประจำเดือนยังไม่มาติดต่อกันข้ามเดือน แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวช เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไปดีกว่าครับ เพราะแต่ละโรคนั้นมีวิธีรักษาที่แตกต่างกันครับ