ถามแพทย์

  • โดนสุนัขกัดมือ ได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว และกินยาฆ่าเชื้อ ยังคงปวดแผล เสี่ยงต่อการติดเชื้ออะไรไหม

  •  Nattharkritta Pinbut
    สมาชิก
    หมาที่บ้าน เค้าไม่ถูกกัน ชอบกัดกันตลอด เลยโดนลูกหลงไปค่ะ กัดที่มือเลือดออก เป็นรอยเขี้ยว คือปวดมาก บวมช้ำเลยค่ะ โดนกัดตอน2ทุ่ม มืดแล้ว เลยรอไปอีกวัน คือทำแผลเอง ล้างสบู่ ล้างน้ำเกลือ ใส่เบตาดีน อีกวันได้ฉีด ประมาณ เกือบ 5โมง แต่เคยฉีดมาเกิน6เดือน หมอให้ฉีด 2 เข็ม ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน แล้วทำแผลเองทุกวัน ตอนนี้ฉีด ครบสองเข็มแล้ว อยากถามว่าเสี่ยงเป็นโรคไหมค่ะ คือผ่านมาแล้ว 13วัน แต่แผลยังเจ็บอยู่เลย เหมือนยังช้ำอยู่ แต่แผลแห้งแล้วแต่ไม่สนิทเพราะโดนน้ำบ่อย แบบนี้ปกติไหมค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nattharkritta Pinbut,

                      หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าครบตามกำหนดนัดมาอย่างน้อย 3 เข็มแล้ว เมื่อโดนสุนัขกัดในครั้งนี้ และได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นในวันถัดไปหลังโดนกัด วัคซีนก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้ และหากผ่านมา 13 วันแล้ว สุนัขยังไม่ตาย ก็แสดงว่าสุนัขไม่ได้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า และคุณก็จะไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าค่ะ

                       สำหรับเชื้อโรคอื่นๆ ที่อาจติดมาเมื่อโดนสุนัขกัดคือ เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคบาดทะยัก ซึ่งหากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมายังไม่เคยฉีดวัคซีนบาดทะยักกระตุ้น ก็ควรฉีดด้วยค่ะ 

                      นอกจากนี้ ก็จะมีเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ ที่ทำให้เกิดผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบได้ ซึ่งจำเป็นต้องทานยาปฏิชีวะฆ่าเชื้อและทำแผลทุกวันต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากแผลไม่มีอาการบวมแดงแล้ว ก็ถือว่าไม่ได้อันตรายอะไร สำหรับอาการเจ็บบาดแผลที่ยังคงอยู่ แม้แผลจะแห้งแล้ว อาจเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกกัดเกิดการบาดเจ็บ จึงทำให้มีอาการปวดต่อเนื่องหลายสัปดาห์ได้ แนะนำยังไม่ควรใช้มือทำงานหนักต่างๆ ค่ะ

                     อย่างไรก็ตาม หากแผลยังไม่แห้งสนิท ผิวหนังยังไม่ติดกันดี ก็จะยังมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา ดังนั้น ควรต้องทำแผลทุกวันต่อไปจนกว่าผิวหนังจะสมานสนิทกันดี และที่สำคัญคือห้ามโดนน้ำ เพราะย่อมทำให้บาดแผลหายช้าและเชื้อโรคจากน้ำจะทำให้เแผลเกิดการอักเสบต่อได้ค่ะ