ถามแพทย์

  • ส่องกล้องทางเดินอาหาร พบการติดเชื้อ H.pylori ทานยาครบ 10 วันแล้ว กินกาแฟได้ไหม และจะรักษาหายไหม

  •  Gap Sittartip
    สมาชิก

    ท้าวความก่อนว่าช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน พฤษจิกายน2021 - มกราคม 2022 เป็นโรคกระเพาะอักเสบ 
    ทีนี้เมื่อหายไปซักพัก เมื่อช่วงเดือน กรกฎา- ปัจจุบัน มีอาการโรคกระเพาะกลับมาอีกครั้งโดยได้มีการส่องกล้องเมื่อเดือนที่แล้ว พบว่ากระเพาะมีรอยแดง ซึ่งจากการตรวจแบบคร่าวๆ ไม่เจอเชื้อดังกล่าว แต่ต่อมาเมื่อผลแลปออก เมื่อวันทิตย์ 11-09-22 พบเชื้อ h.pylori  

    โดยปัจจุบัน กินยา ลดกรด + Amoxycillin +levefloxacin เป็นระยะเวลา 10 วันครับ
    - ทีนี้เลยอยากสอบถามว่า สามารถกินกาแฟได้ไหมครับ ก่อนหน้านี้เคยพยายามลดกาแฟแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจาก ปวดหัวกลางดึก ทีนี้เลยปรับมาเป็น กินช่วงกลางวัน พร้อมลดช็อตกาแฟ ให้น้อยลง ครับ 
    - ปกติหากติดเชื้อh.pylori   มีโอกาสที่รักษาหายไหมหรือรักษาประมาณกี่วันครับ และมีอาการไหนบ้างครับที่ต้องหาคุณหมอเพิ่มเติมครับ

    ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Gap Sittartip,

                       เชื้อ เอชไพโลไร (H. Pylori) เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร โดยปกติ จะไม่ได้ก่ออันตรายอะไร แต่หากมีการติดเชื้อแบบเฉียบพลันหรือในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้ ซึ่งอาการได้แก่ ปวดท้องเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง โดยปวดแบบจุกแน่นหรือแสบร้อนที่บนิเวณลิ้นปี่ หรือค่อนไปทางด้านซ้าย มีท้องอืด เรอบ่อย คลื่นไส้ เป็นต้น  

                       การติดเชื้อ H. Pylori สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการทานยาปฏิชีวนะ ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะรักษาร่วมกันอย่างน้อย 2-3 ชนิด ทานประมาณ 10-14 วัน หลังจากนั้น แพทย์อาจให้ตรวจหาเชื้อซ้ำภายในเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อติดตามผลการรักษา หากพบว่ายังมีการติดเชื้ออยู่ ผู้ป่วยจะต้องรักษาซ้ำโดยเปลี่ยนยาเนื่องจากในผู้ป่วยบางรายอาจมีการดื้อยาเกิดขึ้น

                        สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ได้แก่ การทานอาหารให้ตรงเวลา หรือแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 5-6 มื้อ เพื่อไม่ให้ท้องว่าง ช่วยลดอาการปวดท้องได้ และทำให้เราไม่ทานปริมาณมากเกินไปในแต่ละมื้อ พยายามเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ อาหารผัด ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์  ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดประจำเดือน เป็นต้น 

                         สำหรับการแฟ ซึ่งมีคาเฟอีน อาจกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย และทำให้มีอาการปวดท้องขึ้นได้ ทั้งนี้ หากการที่ไม่ดื่มกาแฟ แล้วจะมีอาการปวดศีรษะนั้น แสดงว่าเริ่มมีการเสพติดคาเฟอีน ดังนั้น ก็ให้รักษาอาการเสพติดคาเฟอีน ไปพร้อมกับการรักษาการติดเชื้อ H. Pylori โดยให้ดื่มในปริมาณที่น้อยลงเรื่อยๆ  จากวันละ 3-4 แก้ว เป็นวันละ 2 แก้ว จนเหลือ 1 แก้วต่อวัน และอาจจะลดลงเหลือ 3 แก้วต่อสัปดาห์ และอาจลดความเข้มข้นลงด้วย รวมถึงให้ดื่มหลังการทานอาหาร ไม่ดื่มขณะที่ท้องว่างค่ะ 

                        นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ก็ควรเลือกทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ สะอาด ดื่มน้ำที่สะอาด  ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำและก่อนจัดเตรียมหรือทานอาหาร รวมถึงเลิกสูบบุหรี่ เพราะมีผลทำให้แผลในกระเพาะอาหารหายช้าได้ค่ะ