ถามแพทย์

  • มีอาการคิดมาก วิตกกังวล กลัวเป็นโรคร้ายแรง เบื่อชีวิต ไม่อยากอยู่ มีอาการใจเต้นแรง เหมือนจะวูบ อยากหายจากอาการ

  •  nannutti
    สมาชิก

    ปัจจุบันอายุ 22 ปี ไม่มีโรคประจำตัว
    ก่อนหน้านี้เป็นคนที่สนุกกกับทุกอย่างในชีวิต เฮอา ร่าเริง หัวเราะเก่ง ร่างกายแข็งแรง เป็นนักกีฬา ลุยกับทุกเรื่อง พอเข้ามหาลัยปี 4 ได้ไปฝึกงานที่รายการเป็นช่องของรพ.แห่งหนึ่ง มีหน้าที่เป็นครีเทีฟรายการคือคิดบท ซึ่งบทที่ทำคือบทรายการเกี่ยวกับสุขภาพจะต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆมาทำบทรายการ วนลูปอยู่แบบนั้นทั้งหมด 4 เดือนเต็มๆ ช่วงเดือนแรกไม่มีอะไรพอหลังจากเดือนแรกผ่านไป เริ่มมีอาการคิดมากเกี่ยวกับสุขภาพตัวเอง รู้สึกกลัวไปหมด เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดไมเกรน จากที่เคยเป็นแล้วไม่คิดอะไรก็กลายเป็นคิดมากว่าตัวเองเป็นอะไรที่ร้ายแรง ในหัวคือคิดอยากจะไปหาหมอเพื่อรักษาอย่างเดียวเพราะรู้สึกว่ากลัวตาย และในช่วงนั้นตัวเองเป็นกรดไหลย้อนซึ่งจะมีอาการเรอเปรี้ยว แสบร้อนกลางหน้าอก ใจสัั่น แน่นอกแน่นท้อง ไม่สบายตัว รู้สึกทรมานมาก และความคิดก็คือคิดว่าตัวเองเป็นอะไรร้ายแรง จะตาย ณ ตอนนั้นให้ได้ พยายามควบคุมความคิดตัวเองตลอดแต่ก็ควบคุมได้ยาก เมื่อฝึกงานจบ กลายเป็นคนซึม ไม่หัวเราะ ไม่อยากเจอคนเยอะๆ แและเวลาร่างกายเป็นอะไรนิดหน่อยจะคิดมากตลอดและทั้งวันนั้นจะโฟกัสอยู่แต่กับมัน เช่น ตื่นนอนทุกครั้งจะลุ้นเสมอว่า ตื่นมา ปวดหัวไหม แน่นหน้าอกไหม สมุตติว่าตื่นมาแล้วรุ้สึกหนักหัว ก็จะกังวลไปทั้งวันจนไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวอาการรุนแรง เป็นแบบนี้จนชอบตื่นกลางดึกอยู่บ่อยครั้งและนอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับ เป็นแบบนี้จนยังไม่กล้าออกไปหางานทำ เพราะกลัวตัวเองจะไปเป็นอะไรไกลๆบ้าน ซึ่งรู้ตัวว่ามันเป็นแค่ความคิด แต่ยังไงก็ไม่กล้าอยู่ดี เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพัก เริ่มมีอาการเบื่อกับชีวิต นานๆครั้งเลยที่อยู่ก็รุ้สึกเบื่อโลก ไม่อยากอยู่ แต่ก็กลัวการตาย จึงตัดสินใจบอกคนในบ้านว่ารู้สึกนึกคิดแบบนี้ ทุกครั้งที่รู้สึกว่าไม่อยากอยู่จะรีบบอกคนในบ้าน และร้องไห้ออกมาเพื่อให้ความรู้สึกที่อึดอัดนี้ดีขึ้น นับจากที่ฝึกงานจนมาถึงวันนี้เวลาประมาณ 6 เดือนได้แล้ว รู้สึกดีขึ้นกว่าช่วงฝึกงานมาก แต่ก็ยังคงมีความคิดที่คิดลบๆเกี่ยวกับสุขภาพตัวเองอยู่ดี เวลากินข้าวเสร็จใจสั่น หรือนั่งอยู่ดีๆใจเต้นแรงขึ้นมา ก็จะคิดว่าหัวใจกำลังจะวาย หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ความคิดพวกนี้ออกไปจากหัวไม่ได้สักที เวลาเป็นอะไรจะติดนิสัยค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ลเสมอ เเหมือนต้องการหาคำตอบว่าเป็นอะไร  ก่อนหน้านี เคยคิดที่จะไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ไม่อยากไป อยากฝึกความคิดด้วยตัวเอง บางครั้งมันทรมานจนต้องร้องไห้ออกมา ลองไปทำแบบประเมินโรคซึมเศร้าในเว็ปรพ. ผลประเมินคือน้อย ตอนนี้อยากค่อยยๆให้ความรู้สึก ความคิดนี้หายไป อยากกลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม เพราะสงสารคนรอบข้างด้วยที่ต้องมาอยุ่กับคนซึมๆแบบตัวเอง ปัจจุบันนี้ตัดสินใจออกมาทำงานแล้ว พยายามคิดบวกว่าไม่มีอะไร วันๆเราจะมานั่งคิดแต่เรื่องแบบนี้ไม่ได้ เสียเวลาใช้ชีวิตมากๆ แต่ระหว่างนั่งทำงานก็ยังมีอาการออกมาบ้าง เช่นอยู่ๆ นั่งทำงานแล้วมีอาการหัวชา เหมือนจะวูบ ใจเต้นแรง ทั้งๆที่ยังไม่ทันคิดอะไรเลย เพราะแบบนี้ถึงทำให้ยังไม่เลิกคิดมากสักที 

    เล่าให้แฟนฟังทั้งหมด แฟนเลยพยายามช่วยมาตลอด แฟนบอกเลิกค้นดูในกูเกิ้ลเพราะมันมีแต่คำตอบที่ทำให้คิดมาก ถ้าอยากรู้เดี๋ยวอ่านให้แล้วเดี๋ยวมาบอก และแฟนก็พยายามชวนทำอะไรที่ทำให้ไม่โฟกัสอยุ่กับความคิดนี้ เวลาเกิดอาการขึ้นมา แฟนก็จะอยู่ข้างๆและบอกว่าไม่มีอะไร อย่าไปคิดถึงมัน ถามว่าช่วยได้ไหม ก็ช่วยได้เยอะค่ะแต่ก็ยังไม่หายขาด

    ขออภัยที่หนูพิมพ์ยาว หนูแค่อึดอัดและอยากหายจากความคิดนี้ค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ nannutti,

                     จากอาการต่างๆ ที่เล่ามา ได้แก่ อาการคิดมาก ดังวล กลัวเป็นโรคร้ายแรง เบื่อชีวิต ไม่อยากอยู่ มีอาการใจเต้นแรง เหมือนจะวูบ  อาจเกิดจาก

                     1. เป็นโรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized anxiety disorder) คือ การมีความวิตกกังวลในเรื่องชีวิตประจำวันทั่วๆไปนานและมากเกินไป และทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากปล่อยไว้นาน อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เนื่องจากวามเครียดและความวิตกกังวลที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ร่างกายได้พักผ่อนน้อย และเกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่น อ่อนเพลีย หงุดหงิด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่มีสมาธิ มีปัญหาการนอนหลับ เป็นต้น 

                     2. โรคตื่นตระหนก หรือโรคแพนิค (หรือโรคหัวใจอ่อน) ได้ ซึ่งคือการเกิดภาวะวิตกกังวลหรือมีความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้นแบบฉับพลันทันทีโดยไม่มีสิ่งกระตุ้นหรือสาเหตุที่ชัดเจน โดยมีอาการเกิดขึ้นเป็นระยะๆ นอกจากนี้ ก็จะทำให้เกิดอาการต่างๆ ทางร่ายกายตามมา ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้มีอาการ ได้แก่ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น หรือตัวสั่น เหงื่อออก ร้อนวูบวาบ หรือหนาว หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม หอบ แน่นในหน้าอก เจ็บบริเวณอก คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง มึนงง วิงเวียนศีรษะ โคลงเคลง ปวดเสียวตามตัว เหน็บชา หรือแขนขาอ่อนแรงได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความคิดวิตกกังวลหรือหวาดกลัวว่าจะมีอันตราย กลัวตาย เป็นต้น

                       3. โรคซึมเศร้าได้ ซึ่งเป็นโรคที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้แก่ มีอารมณ์เศร้าสร้อย หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งอย่าง รู้สึกไม่มีความสุข บางคนอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ร้อนขึ้น มีความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่าเป็นภาระกับคนอื่น คิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ หรืออาจถึงขั้นวางแผนการตายและทำร้ายตนเองได้  มีสมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆถูกๆ นอกจากนี้ อาจมีอาการทางกาย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หรือนอนมากไป เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ท้องอืด ท้องผูก เป็นต้น

                     แนะนำว่าควรต้องไปพบจิตแพทย์ เพื่อประเมินว่าเกิดจากโรคใดเป็นหลัก จะได้รักษาให้ตรงกับโรคค่ะ โดยมีทั้งการรรักษาด้วยยา การทำจิตบำบัด การทำพฤติกรรมบำบัด เป็นต้น ทั้งนี้ โรคความผิดปกติทางจิตใจเหล่านี้ ก็เหมือนกับการเป็นโรคทางกายอื่นๆ หากได้รับการรักษาที่ถูกวิธี โรคก็จะทุเลาลง อารมณ์ความรู้สึกผิดปกติต่างๆ ก็จะหายเป็นปกติได้ในที่สุดค่ะ ไม่ควรปล่อยเอาไว้ หรือหาวิธีทางรักษาเอง เพราะอาการอาจไม่หายไป และเป็นมากขึ้น จนเกิดโรคทางจิตหลายๆ โรคได้ และอาจยิ่งยากต่อการรักษาได้ค่ะ ดังนั้น ควรต้องหาเวลาไปพบจิตแพทย์และไปรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ