ถามแพทย์

  • ไหมที่ร้อยบนใบหน้ามีกี่ชนิด มีคุณสมบัติข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร

  •  Lemon
    สมาชิก
    ไหมที่ร้อยบนใบหน้ามีกี่ชนิด มีคุณสมบัติข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร พอดีกำลังวางแผนจะไปทำค่ะ ขอบคุณ คุณหมอค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Lemon,

             ไหมที่นำมาใช้ร้อยผิวหนัง แบ่งออกเป็น

              ไหมชนิดที่ละลายไม่ได้ ได้แก่

                 1. ไหมพลาสติก polypropylene ลักษณะเป็นก้างปลา ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะเกิดผลข้างเคียงเยอะ เช่น การอักเสบบริเวณปมของไหม การพบเส้นไหมแทงออกมาบริเวณใบหน้า หรือการเกิดการหักของไหม 

     

                 2. ไหมทอง หรือ Gold Thread ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ไหมทองจะช่วยกระตุ้นการสร้างคลอราเจนและผังพืดใต้ชั้นผิวได้ดี  แต่การร้อยไหมทอง ก็มีข้อจำกัด คือ มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และ หลังร้อยไหมแล้ว ต้องหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์บางตัว เพราะเลเซอร์บางตัวอาจทำให้ไหมทองขาดได้ และไม่เหมาะในผู้ที่แพ้โลหะ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย เมื่อเกิดการแพ้แล้ว อาจต้องรักษาโดยการผ่าตัด และหากต้องเข้าเครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ (MRI) จะไม่สามารถทำได้ เพราะตัวเส้นทองจะร้อน และสั่นสะเทือน อาจทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเกิดการไหม้ และมีโอกาสที่ใบหน้าจะผิดรูปได้

     

                     ไหมชนิดที่ละลายได้ ได้แก่

     

     

                     1.ไหม PDO (polydioxanone) ไหมสามารถละลาย หายไปเอง ภายใน 6-8 เดือน แต่ช่วยกระชับผิว ได้ 2-3 ปี ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อย ไหมละลายเป็นไหมที่ใช้ในการเย็บ กล้ามเนื้อหัวใจ และหลอดเลือด ดังนั้นโอกาสแพ้จึงน้อยมาก และจะเห็นผลหลังทำทันที่ 20 – 30% และเห็นผลเต็มที่ที่ 6 – 8 สัปดาห์ ไหมชนิดนี้ยังแบ่งออกได้เป็น

    -   ไหมชนิดไม่มีเงี่ยง (Non-Barbed Thread) หรือไหมเกลียว ไหมชนิดนี้จะมีซิลิโคนกลมพันอยู่รอบเส้นไหม การร้อยไหมชนิดนี้จะถูกสอดในระนาบแนวความลึกของชั้นหนังแท้ มักต้องใช้จำนวนตั้งแต่ 20 ถึงกว่าร้อยเส้นสอดเข้าไปในผิวหนัง

                        -ไหมชนิดมีเงี่ยง (Barbed Thread)  ลักษณะของไหมชนิดนี้จะมีเงี่ยงคล้ายตะขอตกปลาอยู่ตลอดเส้น การร้อยไหมจะสอดไหมในความลึกระดับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และเงี่ยงบนเส้นไหมจะใช้ในการพยุงชั้นไขมันและผิวหนังชั้นลึก จึงเกิดการยกกระชับเปลี่ยนรูปหน้าได้ชัดเจนทันที การร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงมักใช้จำนวนไหมเพียง 2-10 เส้น 

     

                     2. ไหม PGA (Polyglycolic Acid) หรือไหมกรวย ไหมชนิดนี้สามารถละลาย หายไปเอง ภายใน 8-10 เดือน วิธีการร้อยไหมจะคล้ายกับไหมชนิดมีเงี่ยง คือร้อยในชั้นไขมันและผิวหนังชั้นลึก โดยใช้ตัวโคนเป็นตัวพยุงผิวและชั้นไขมันแทน จึงทำให้ผิวหน้ากระชับได้รูปเห็นผลได้ชัดเจน มักใช้จำนวนเส้นไหม 2-8 เส้น ข้อเสียคือ ในคนไข้บางรายที่ผิวบาง อาจคลำลึกๆ อาจคลำเจอตัวไหมตรงส่วนที่เป็นโคนได้