-
มีโอกาสติดเชื้อ HIV แค่ไหนครับ
-
May 06, 2018 at 04:29 PM
8 เดือนที่แล้ว ผมซื้อบริการมีการป้องกันอย่างดี แต่ตอนจบ ผมใช้มือที่สัมผัสน้ำช่องคลอดฝ่ายหญิงที่ติดกับถุงยางนิดหน่อยที่น่าจะเริ่มแห้งแล้ว มาถูล้างบริเวณปลายอวัยวะเพศตัวเอง หลังจากวันนั้นผมต้องบินมาทำงานต่างประเทศเลย จึงไม่มีโอกาสได้ตรวจ แต่หลังจากวันนั้น 3 อาทิตย์กว่าๆ ผมมีตุ่มคันมากขึ้นหลายจุด ตามแขนขาและลำตัวราวๆ 20จุด บางจุดขึ้นตำแหน่งเดียวกันเลยทั้งซ้ายขวา หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีผื่นขึ้นข้างศอกทั้งสองข้าง แล้วทั้ง 2 อย่างก็หายเองประมาณ1-2สัปดาห์ หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ผมก็ท้องเสียหนักมากประมาณ 3 วันติด จนน้ำหนักลดไป 5 กิโล แต่หลังจากนั้นผมถ่ายไม่ปกติเลยติดต่อกันนานจนถึงวันนี้ คือส่วนใหญ่ถ่ายเป็นก้อนลีบเล็บสีเหลืองซีดๆ บางวันก็ถ่ายเหลว ผมมีเครียดมากในช่วง2-3อาทิตย์แรกที่เริ่มมีตุ่ม หลังจากนั้นก็พยายามทำใจ ไม่เครียด พอเมื่อวานนี้ผมเริ่มมีตุ่มใสๆในปาก 1 จุด ผมไม่ได้ทำให้มันแตก วันนี้มันก็ยุบเป็นวงขาวๆไม่เจ็บแต่เหมือนมีรอยบวมๆรอบๆตุ่มนี้และมีจุดสีแดงเล็กๆ 2 จุดข้างๆ ไม่รู้ว่ามันจะขยายไหม อีก 4 เดือนผมจะได้กลับไปตรวจแล้วครับ ผมอยากรู้ว่าผมมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV มากน้อยแค่ไหนครับMay 07, 2018 at 07:54 PM
สวัสดีคะคุณ balak
ส่วนสิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องทราบก่อนว่า คุณควรที่จะได้พบแพทย์เมื่อไหร่เพื่อตรวจว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่
ก่อนอื่นเราต้องทำการตรวจระยะแรกก่อน ซึ่งเป็นการตรวจ ที่เรียกว่าการตรวจควบคู่ ระหว่าง HIV antibody และ HIV antigen คือการตรวจหาภูมิคุ้มกันและตัวเชื้อควบคู่กัน การตรวจนี้ในคนส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากสัมผัสเชื้อ
แต่ถ้าตรวจเฉพาะ HIV antibody testing ตรวจได้ทั้งจากเลือดและจากน้ำลาย ส่วนใหญ่จะตรวจพบ หลังการสัมผัสเชื้อ ภายในระยะเวลา 3-12 สัปดาห์
หรืออาจจะตรวจ p24 antigen ซึ่งตรวจน้อย และการแปลผลอาจถูกรบกวนได้ด้วยตัวแปรอื่น
ถ้าการตรวจข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลบวก จะต้องมีการตรวจครั้งที่สอง เพื่อยืนยัน โดยการตรวจภูมิคุ้มก้น ซึ่งแตกต่างจากการตรวจแรกถ้าให้ผลบวกอีกครั้ง ให้ตรวจครั้งที่สาม เพื่อจำนวย ไวรัส ซึ่งเรียกว่า HIV RNA test ซึ่งสามารถตรวจหาได้ภายใน 1-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ
ลักษณะอาการที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการติดเชื้อไวรัส เอช ไอ วี แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะแรก เรียกว่า การติดเชื้อระยะแรก ( acute HIV infection stage ) ซึ่งระยะนี้ อาการจะเกิดขึ้นได้ ภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะอาการจะมีลักษณะเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป จะมาด้วยอาการไข้ ปวดตามตัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามข้อ ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งในกรณีของคุณหมอขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน ในระยะนี้ไวรัสจะมีจำนวนมากดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ควรใช้สารเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ระยะต่อมา จะเป็นระยะที่ไวรัสเริ่มจะอาศัยอยู่ในตัวคนไข้ แต่จะไม่แสดงอาการอะไร เรียกว่า clinical latency stage ซึ่งคือจำนวนไวรัสอาจจะไม่ได้มีมากและระยะนี้อาจยาวนานได้ถึง 10 ปี แต่ระยะยังมีการแพร่กระจายของโรคได้
ระยะสุดท้ายระยะที่เรียกว่า เอดส์ (AIDS) ซึ่งระยะนี้ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำมากทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ขึ้นอยู่กับจำนวน CD 4 ที่เหลืออยู่
ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายกลุ่มให้เรียกใช้ ดังนั้น ถ้าคุณตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และ รักษาอย่างรวดเร็ว และไม่เพิ่มภาวะเสี่ยง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สะอาด และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คุณสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
นอกเหนือจากการติดเชื้อ เอช ไอ วี แล้วคุณควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซี และ โรคซิฟิลิส เป็นต้น
หมอขอให้คำแนะนำว่าคุณควรหยุดรับประทานยาฆ่าเชื้อ และควรจะไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยัน และจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไปค่ะ
-
ถามแพทย์
-
มีโอกาสติดเชื้อ HIV แค่ไหนครับ