ถามแพทย์

  • ประจำเดือนหมดไปแล้ว 2 วัน มีเพศสัมพันธ์ แล้วมีเลือดออก 4 วัน ปวดช่องคลอด ปัสสาวะมีเลือดปน เป็นเพราะอะไร

  •  Pison Rodsut
    สมาชิก
    ประจำเดือนหมดแล้ว2วันค่ะระหว่างมีประจำเดือนมีเพศสัมพันธ์ไป2ครั้ง ประจำเดือนหายมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเลือดไหลออกช่องคลอดสีแดงสดมีเพศสัมพันธ์ขั้นรุนแรง จนตอนนี้4วันแล้วเลือดออกมาบ้างกระปริดกระปอย สีแดงสดบ้างน้ำตาลเข้มบ้างปวดช่องคลอดหน่วงๆค้ะ ฉี่มีเลือดปนออกมาิดหน่อยเอากระดาษทิชชู่เช็ดมีเลือดติดอยู่มีลิ่มเลือดออกมาด้วย อยากทราบว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรคะประจำเดือนค้างรึเปล่า เสี่ยงเป็นมะเร็งมั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Pison Rodsut,

                     หากประจำเดือนหมดไปแล้ว 2 วัน แล้วได้มีเพศสัมพันธ์ แล้วมีเลือดออกมา อาจเกิดจาก

                     1. การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง ใช้ท่าทางพิศดาร หรือมีการใส่สิ่งของในช่องคลอด อาจมีผลทำให้เยื่อบุช่องคลอดเกิดการฉีกขาดเล็กน้อยได้ ซึ่งเลือดที่ออกมักมีปริมาณไม่มาก ไหลแบบซึมๆ และจะหยุดไหลได้เองภายในไม่กี่วัน ไม่น่าออกนานเป็นสัปดาห์

                    2. มีการติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือช่องคลอด แต่มักมีอาการแสบหรือคันช่องคลอด มีตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย

                    3. โพรงมดลูกอักเสบติดเชื้อ ซึ่งมักมีตกขาวที่ผิดปกติ ปวดท้องน้อย มีและมีอาการทางปัสสาวะผิดปกติร่วมด้วย

                    4. มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก

                    5. มะเร็งปากมดลูก 

                     นอกจากนี้ หากมีการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ รวมถึง ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ ก็อาจเป็นสาเหตุได้

                     ดังนั้น หากไม่ได้มีการใช้ยาอะไรอยู่ แต่ยังคงมีเลือดออกกะปริดกะปรอยมาอีกเรื่อยๆ หรือยังคงมีปัสสาวะมีเลือดปน มีปวดท้องน้อย ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจค่ะ ในเบื้องต้นก็ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราวค่ะ