ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง แล้วกินยาคุมกำเนิดไป 4 เม็ด แล้วกินต่อจนหมดแผง ประจำเดือนไม่มา จะท้องไหม

  •  Worakamon
    สมาชิก
    คือหนูมีเพศสัมพันวันที่15เดือนเมษาค่ะ ใส่ถุงยางแล้วก็กินยาคุมแบบแผง แต่ประยุกต์ให้เหมือนยาคุมฉุกเฉิน คือหนูกิน ตอนเที่ยง 2เม็ด แล้วก็เที่ยงคืน2เม็ด แล้วก็ตอนเที่ยงของอีกวัน2เม็ด หลังจากนั้น24ชม.ก็กินไปเลื่อยๆจนหมดแผง แต่ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ ปกติประจำจะมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้วค่ะ อยากถามว่าจะท้องมั้ย หรือเป็นเพราะยาคุมรึป่าวที่ส่งผลต่อประจำเดือน ตอนนี้เครียดมากค่ะ.

    สวัสดีค่ะ Worakamon,

                        การทานยาคุมกำเนิดหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์นั้น จะไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ต้องทานยาคุมฉุกเฉินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน โดยที่ถุงยางไม่มีการฉีกขาดหรือรั่วซึม ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินแต่อย่างใด 

                      โดยปกติแล้วยาคุมฉุกเฉินนั้น จะมีปริมาณฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในระดับสูง เช่น ยี่ห้อ postinor จะมีฮอร์โมน levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม (0.75 มิลลิกรัม 2 เม็ด) ส่วนยาคุมกำเนิดแบบแผงนั้น จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในระดับต่ำ เช่น ประมาณ 0.15 มิลลิกรัม  ดังนั้นหากทานไป 4 เม็ด ก็จะได้ปริมาณฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไป 0.60 มิลลิกรัม ซึ่งก็จะไม่เท่ากับการทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ หากจะได้ปริมาณเท่ากับยาคุมฉุกเฉิน ก็ต้องทานครั้งละ 5 เม็ด 2 ครั้ง หรือทานไป 10 เม็ดค่ะ แต่การทานแบบนี้ ก็จะทำให้เราได้ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่อยู่ในเม็ดยาคุมกำเนิดด้วยมากเกินไป จนอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ เป็นต้น

                        อย่างไรก็ตาม หากหลังจากนั้นได้ทานยาคุมกำเนิดต่อจนหมดแผง แล้วประจำเดือนยังไม่มา ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ หากตรวจไม่พบ ก็ควรรอประจำเดือนต่อไปอีกซักระยะก่อนค่ะ และเมื่อประจำเดือนมาแล้ว จึงค่อยเริ่มทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ โดยควรทานยาคุมกำเนิดเพียงวันละ 1 เม็ดเท่านั้นค่ะ และในช่วง 7 วันแรกที่เริ่มทานยาแผงใหม่ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปด้วยก่อนค่ะ