ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมา 6 ต.ค. มีเพศสัมพันธ์ 10 ต.ค. ใส่ถุงยาง ยัดไม่เข้า ไม่ได้หลั่ง ต่อมามีอาการต่างๆ จะท้องไหม

  •  jiijii
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ ตอนนี้เครียดมากค่ะ มีพสพ.ครั้งแรก หลังประจำเดือนหาย1วัน วันแรกที่มีปรำจำเดือน 6ตุลาคม ประจำเดือนหยุด วันที่10ตุลาคม มีพสพ.วันที่10 ตุลาคม ผช.ใส่ถุงคุมกำเนิด แต่ยัดไม่เข้า พยายามดันเข้าแต่ก็ไม่เข้า เจ็บมาก ผช.ไม่ได้มีการหลั่งแบบนี้เรียกว่ามีเพศสัมพันธ์ไหมคะ แล้วก็ช่วยผู้ชายด้วนมือ แล้วพอผู้ชายเสร็จภารกิจแล้วหลั่งตรงหน้าท้องเปื้อนหัวหน่าว เอาทิชชู่มาเช็ด แล้ววันต่อมามีเลือดออกเหมือนมีประจำเดือนอีกครั้ง ประมาณ2-3วันค่ะ แล้วหลังจากนั้นมีอาการ แน่นท้อง คลื่นไส้ อยากอาเจียน รู้สึกเจ็บท้องน้อยด้านซ้าย บางวันก็ด้านขวา ปวดแบบบีบๆ หน่วงๆ เหมือนท้องอืด แต่ก็อุจจาระปกติ มีปัสสาวะบ่อย เป็นแบบนี้หลังจากมีพสพ.แบบข้างต้นค่ะ เป็นมาเกือบ1สัปดาห์แล้ว แบบนี้มีโอกาสท้องไหมคะ กังวลมากๆเลยค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ jiijii,

                         หากประจำเดือนมาวันที่ 6 ต.ค. แล้วได้มีเพศสัมพันธ์วันที่ 10 ต.ค. เท่ากับมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 5 นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ถือว่ายังอยู่ในระยะปลอดภัย โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีน้อยมาก คือน้อยกว่า 1% นอกจากนี้ หากฝ่ายชายยังไม่ได้มีการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้น โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็ไม่มีค่ะ ส่วนการที่ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิบริเวณหัวหน่าว ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

                        สำหรับเลือดที่ออกต่อมาอีก 2-3 วัน อาจเป็นเลือดประจำเดือนที่ค้างอยู่ในมดลูก ซึ่งยังออกไม่หมด และการมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว เลือดที่ค้างอยู่จึงออกมาได้ค่ะ ซึ่งหากเลือดหยุดไหลไปแล้ว ก็ถือว่าปกติดีค่ะ

                        ส่วนอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ อยากอาเจียน เจ็บท้องน้อยด้านซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ปัสสาวะบ่อย ก็ไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะโอกาสตั้งครรภ์ไม่มีดังกล่าวไป และโดยปกติ อาการของการตั้งครรภ์ จะปรากฏหลังจากมีอาการขาดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ดังนั้น อาการที่เป็นอยู่ จึงเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น อาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือเกิดจากการมีความเครียด วิตกกังวลก็ได้ เป็นต้น

                         ในช่วงนี้ ก็ควรเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ไม่ทานอาหารประเภททอดและผัด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมากเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ เป็นต้น หากอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ jiijii,

                         หากประจำเดือนมาวันที่ 6 ต.ค. แล้วได้มีเพศสัมพันธ์วันที่ 10 ต.ค. เท่ากับมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 5 นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ถือว่ายังอยู่ในระยะปลอดภัย โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีน้อยมาก คือน้อยกว่า 1% นอกจากนี้ หากฝ่ายชายยังไม่ได้มีการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้น โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็ไม่มีค่ะ ส่วนการที่ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิบริเวณหัวหน่าว ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

                        สำหรับเลือดที่ออกต่อมาอีก 2-3 วัน อาจเป็นเลือดประจำเดือนที่ค้างอยู่ในมดลูก ซึ่งยังออกไม่หมด และการมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว เลือดที่ค้างอยู่จึงออกมาได้ค่ะ ซึ่งหากเลือดหยุดไหลไปแล้ว ก็ถือว่าปกติดีค่ะ

                        ส่วนอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ อยากอาเจียน เจ็บท้องน้อยด้านซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ปัสสาวะบ่อย ก็ไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะโอกาสตั้งครรภ์ไม่มีดังกล่าวไป และโดยปกติ อาการของการตั้งครรภ์ จะปรากฏหลังจากมีอาการขาดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ดังนั้น อาการที่เป็นอยู่ จึงเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น อาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือเกิดจากการมีความเครียด วิตกกังวลก็ได้ เป็นต้น

                         ในช่วงนี้ ก็ควรเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ไม่ทานอาหารประเภททอดและผัด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมากเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ เป็นต้น หากอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ