ถามแพทย์

  • มีตุ่มใสๆ ขึ้นทีมือ ขาหนีบ ก้น มีอาการคัน พอแตกแล้วเป็นสะเก็ดดำๆ เป็นอะไร

  •  JA
    สมาชิก
    มีตุ่มใสๆขึ้นทีมือแล้วมีอาการคันๆพอสักพักบางตุ่มก้เป็นคลานๆน้ำเหลืองเสีย แล้วก้ขึ้นตุ่มใสๆที่ขาหนีบอวัยวะนิดหน่อยที่ก้นและขาหนีบพอมันแตกแล้วก้จะเป้นสะเก้ดดำๆแต่ก้มีอาการคันเรื่อยๆที่ขาหนีบไม่ทราบว่าเป้นอะไรค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ JA,

                       การมีตุ่มใสๆ ขึ้นที่มือ ขาหนีบ และก้น ร่วมกับมีอาการคัน น่าจะเกิดจากเป็น

                      - ผื่นแพ้สัมผัสหรือผื่นระคายสัมผัส (contact dermatitis) ซึ่งเกิดจากการสัมผัสต่อสารก่อความระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำหอม ครีมทาผิว เป็นต้น เป็นเวลานานและบ่อยครั้ง หรืออาจเกิดจากการสัมผัสดอกไม้  ยางสังเคราะห์ โลหะ เป็นต้น โดยอาจเป็นผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใส ที่อาจแตกออกหลายเป็นแผลพุพอง และจะมีอาการคัน หรือเจ็บแสบ

                      นอกจากนี้ อาจเป็นผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ เช่น โรคเซบเดิร์ม (seborrheic dermatitis) แต่มักมีอาการแสดงที่หนังศีรษะ โดยจะมีอาการที่เป็นรังแคมาก ส่วนบริเวณอื่นๆ มักพบบริเวณผิวหนังที่มีต่อมไขมันมาก เช่นบริเวณหลังใบหู หัวคอ้ว ระหว่างคิ้ว ซอกจมูก อก ไหล่ นอกจากนี้อาจพบที่รักแร้ ขาหนีบ โดยจะพบเป็นผื่นแดง และมีขุย สะเก็ดสีออกเหลืองมันๆ 

                     แต่หากมีตุ่มเกิดขึ้นเฉพาะที่มือและเท้า ไม่ได้มีตามลำตัว แขนขาหรือที่ขาหนีบ ก็น่าจะเป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส (dyshidrosis, pompholyx)  เป็นต้น

                     ในเบื้องต้น พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งต่างๆ ที่อาจแพ้ไปก่อน ควรเลือกใช้สบู่ ยาสระผม ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม โลชั่น ที่อ่อนโยน และมีการเขียนระบุที่ฉลากว่า "ไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง" หรือหากเป็นไปได้ ควรใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น เช่น งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม โลชั่น น้ำหอมต่างๆ เป็นต้น

                     ในบริเวณที่ยังเป็นตุ่มน้ำใส ไม่ได้เป้รแผลพุพอง อาจทายาแก้แพ้ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เช่น ครีม triamcinolone ทาวันละ  2 ครั้ง ติดต่อกัน 3-4 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรหยุดใช้ ห้ามทายาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์  หากมีอาการคันมาก อาจทานยาแก้แพ้แก้คัน เช่น  ไฮดรอกไซซีน (hydroxyzine) , chlorpheniramine (CPM) เป็นต้นพ ยายามหลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้กลายเป็นแผลและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ ซึ่งหากตุ่มน้ำใสกลายเป็นตุ่มหนอง หรือผิวหนังมีแผลมีน้ำเหลืองไหล ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ