ถามแพทย์

  • รู้สึกว่าตัวเอง เป็นโรคไบโพลาร์ กลััวสังคม และวิตกกังวล เป็นจริงๆหรือไม่

  •  Mama
    สมาชิก
    (ยาวหน่อยนะครับ) สวัสดีครับ ผมอายุ 18 ปี และผมคิดว่าผมมีอาการทางจิตเวชเหล่านี้ครับ 1. ไบโพล่าร์ 2. โรคกลัวสังคม 3. วิตกจริต ผลกระทบของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อตัวผมจากการสังเกตตังเอง 1. มีอารมณ์สลับกัน 2 ช่วง ช่วงละ 2สัปดาห์-1เดือน ผมเรียกช่วงแรกว่าช่วง"ดีด"และอีกช่วงนึงว่า"ดาวน์ - ช่วงดีด ผมมีความรู้สึกมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมาก รู้สึกสนุกสนาน มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ แต่มีความรู้สึกแบบ extra มากเลยครับ - ช่วงดาวน์ ผมมีความรู้สึกอ่อนไหว เศร้า ไม่มีสมาธิ มีความกลัว ขาดความมั่นใจ เป็นช่วงที่อารมณ์เสียง่ายมากครับ แต่ไม่สามารถมาแสดงออกทางคำพูด สีหน้า หรือท่าทางได้แม้อยู่ต่อหน้าคนที่สามารถไว้ใจได้ เช่น เพื่อน หรือครอบครัว อาการนี้ผมสังเกตว่าผมเป็นมาได้ปีครึ่งแล้วครับ 2. ผมไม่กล้าสบตากับใคร เพราะทำให้ผมรู้สึกกระสับกระส่าย "กลัว"ว่าเค้าจะคิดยังไงกับเรา ไม่ว่าดีหรือร้าย ปัญหาจากการกลัวการสบตา ทำให้ผมไม่มีความมั่นใจเวลาไปซื้อของ ไปร้านสะดวกซื้อ หรือคุยกับใคร และบางครั้ง จำเป็นต้องก้มหน้าคุยหรือหันไปทางอื่นเพื่อคุย อาการแบบนี้เริ่มมาเป็นหลังจากเกิดอาการแบบข้อแรกประมาณ3เดือนให้หลังครับ 3. ผมไม่สามารถหนีออกจากความคิดได้ครับ เหมือนความคิดมันวกวนอยู่ในลูปเดิมตลอดเวลา ทำให้มีความรู้สึกเครียด รู้สึกกังวลเรื่องคนอื่น หรือคิดไปไกล กังวลในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น จนหลายคืนผมมักจะฝันร้ายบ่อยๆ และสะดุ้งตื่นทุกๆตี3 บางคืนก็นอนต่อไม่ได้เลยครับ อันนี้เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อเดือนที่แล้วครับ เป็นช่วงที่กำลังรอมหาวิทยาลัยครับ ผมสอบติดที่ม.นึงแต่ทางบ้านไม่สนับสนุนให้เรียนที่นั่น ทางบ้านจึงให้ผมเลือกม.ในจังหวัด ทำให้ผมเครียดครับ แต่ตอนนี้ทำใจเรื่องนี้ได้แล้วแต่ดันไปกังวลเรื่องอื่นๆต่อ สิ่งที่นึกแล้วทำให้ผมกลัวหรือก้าวผ่านไม่ได้ 1. การถูกหักหลังจากเพื่อน 2. การถูกเพื่อนล้อ,ต่อว่าหรือวิจารณ์ 3. การกลัวการถูกเมิน ข้อ 1-3 เรื่องพวกนี้คงจะเป็นปมสำหรับผมมั้งครับ เป็นเรื่องสมัย ป.6 คือผมกำลังค้นพบว่าตัวเองชอบเพศเดียวกัน เมื่อเปิดเผยให้เพื่อนผู้ชายรู้ เพื่อนก็พากันล้อ,ต่อว่าและเมินผมในฐานะที่รู้ว่าผมเป็นเกย์ ตอนนั้นก็ค่อนข้างรู้สึกแย่แต่ดีที่ตอนนั้นผมยังมีกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่สามารถคุยกันได้ครับ พอขึ้นมัธยมต้น ผมก็ได้เปิดเผยตัวตนที่โรงเรียนใหม่และรู้สึกดีขึ้นที่มีเพื่อนๆเข้าใจ พอถึงตอนม.3 ตอนใกล้จะแยกกับเพื่อนแล้วมีประเด็นกับรุ่นพี่ โดยที่ผมกับเพื่อนก็รวมกลุ่มนินทาพวกเค้า เพื่อนผมเอาความลับที่ผมและเพื่อนในกลุ่มนินทากันไปบอกรุ่นพี่ แต่ผมก็ไม่ได้มีใครบาดเจ็บหรือโดนใครต่อว่า แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นการหักหลังแบบเงียบๆที่เจ็บใจมากครับ 4. การมองตา ช่วงม.4-ม.5 เป็นช่วงที่ผมกำลังแอบชอบคนๆนึงครับ มันเป็นความมั่นใจที่ว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนกัน เพราะผม สังเกตจากสายตาเค้าครับ มันเหมือนกับว่าผมเสพติดการมองตาครับ ทุกครั้งที่มองเข้าไปมันจะมีความรู้สึกอบอุ่นและไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ครับ เพราะเค้าไม่เคยบอกผมเลยว่าเค้ารู้สึกยังไง มีแต่ถูกปฏิเสธและปฏิเสธ ทำให้ผมความรู้สึกว่าการมองตา,สบตาหรือจ้องหน้าสำหรับผมแล้วเป็นเรื่องน่ากลัว หลายครั้งรู้สึกไม่ไว้ใจใคร กลัวใครๆทำให้ผมผิดหวังหรือเสียใจ กลัวการให้ความรู้สึกดีๆจากใครๆ ตรงนี้ก็เข้าข่ายปมข้อ 1 และ 3 สำหรับผมครับ 5. ความไม่มั่นใจลึกๆ หลังๆผมรู้สึกว่าผมไม่ใช่แค่เกย์ แต่เป็นไบเซ็กชวล ผมกลัวที่จะบอกเพื่อนๆเพราะเกรงว่าเค้าจะช็อคหรือรับไม่ได้ ทำให้ไม่มีเพื่อน นอกจากเพื่อนผมจะน้อยแล้ว ผมก็กลัวความโดดเดี่ยวด้วยครับ *เพิ่มเติม* 1. ตอนนี้ผมกำลังหันมานั่งสมาธิครับ แม้ความคิดยังคงวกวนเหมือนเดิม หรือไม่สามารถควบคุมความคิดความรู้สึกตัวเองได้บางครั้ง แต่ก็สามารถจับอารมณ์ความรู้สึกดูได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองครับ 2. ผมเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมาก บางครั้งนอนไม่เป็นเวลา ต่อให้นอนเป็นเวลา ตอนตื่นนอนผมก็ยังรู้สึกว่านอนไม่ค่อยเต็มอิ่มครับ สิ่งที่อยากทราบ 1. ผมเข้าข่ายอาการทางจิตเวชตามที่ผมว่ามาหรือไม่ ถ้ามีส่วนใช่ อาการผมอยู่ในขั้นรุนแรงไหม 2. ผมควรไปพบหมอจิตเวชโดยตรงไหม 3. ผมควรเยียวยาตัวเองให้มากกว่านี้อย่างไร หรือหมออยากแนะนำผมอะไรก็ได้ เพราะผมอยากเปลี่ยนเป็นคนที่มีพลังกายพลังใจดีครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Mama

    จากที่เล่ามา ยังไม่สามารถระบุโรคหรือภาวะทางอารมณ์ของคุณ Mama ได้นะคะ

    แต่เนื่องจากลักษณะที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จึงแนะนำคุณ Mama ไปพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้คำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสมนะคะ