ถามแพทย์

  • มีผิวหนังอักเสบบริเวณขาหนีบ ทายาเชื้อราติดต่อกันนานๆจะเป็นมะเร็งผิวหนังไหม

  • ขอสอบถามคุณหมอหน่อยครับ ผมมีอาการอักเสบของผิวหนังบริเวณขาหนีบครับ เป็นได้ประมาณ2อาทิตย์แล้ว สาเหตุครั้งแรกที่อักเสบเกิดจาก กางเกงในบาดขาครับ มีอาการแสบ แล้วน้ำเหลืองไหลตลอกเลย ทำให้ใส่ กกน.ไม่ได้ ผมใช้วิธีทาแป้งเพื่อลดการเสียดสีและงดใส่ กกน. แต่พอประมาณ1อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมสังเกตุเห็นว่า ขาหนีบฝั่งขวามีอาการอักเสบ เป็นบริเวณกว้าง 3x3ตร.ซม. มีสีแดงๆคล้ำๆ ผมเลยเข้ามาอ่านเรื่องมะเร็งผิวหนังดู ซึ่งก่อนหน้านั้น ผมมีการใช้ยาบริเวณขาหนีบกับตูดตลอด เนื่องจากผมเป็นโรคผิวหนัง(สังฆัง)บริเวณนี้มาประมาณ2ปีแล้วครับ ผมทานาคานาโซนตลอด แต่ไม่หายสักที ผมกลัวว่าการใช่ยาต่อเนื่องจะมีผลทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังครับ
    คน ที่ถูกลืม  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ คน ที่ถูกลืม

    ในกรณีนี้อาจเป็นโรคกลาก คือโรคที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อราในกลุ่มเดอมาโทไฟท์ ซึ่งจะก่อให้เกิดผื่นขึ้นบนผิวหนังลักษณะเป็นดวง ๆ พบได้ทุกส่วนบนร่างกาย เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า มือ เท้า เล็บ ขาหนีบ เป็นต้น หรือโรคอื่นๆที่เป็นไปได้เช่นผื่นผิวหนังอักเสบเฉียบพลันจากสาเหตุภายในร่างกาย หรือแพ้สารภายนอกอื่นๆเช่นสบู่ น้ำหอม โลชั่น

    การรักษาถ้าเป็นเฉพาะที่บริเวณขาหนีบมักใช้เป็นยาทาในกลุ่มฆ่าเชื้อราแบบครีม ทาบางๆเฉพาะที่วันละ 2 ครั้ง และควรรักษาความสะอาดบริเวณที่เป็น ไม่ให้เกิดการอับชื้น และใช้น้ำเปล่าสะอาดล้าง หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ถูโดยตรง

    การใช้ยาฆ่าเชื้อราทาเฉพาะที่นั้นส่วนใหญ่สามารถทำได้อย่างปลอดภัย ไม่ได้เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนังค่ะ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเป็นมะเร็งผิวหนังเท่าที่ทราบทางการแพทย์ในปัจจุบันคือการถูกแสงแดดติดต่อกันต่อเนื่องเป็นเวลานาน

    หากเป็นแผลที่ขาหนีบเรื้อรัง ทายาแล้วไม่หาย คันมากขึ้น มีเลือดหรือหนองไหลจากแผล ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม