ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา 16 วัน ตรวจแล้วไม่ท้อง ไปบริจาคเลือดพบว่าเลือดหนืด มีส่วนเกี่ยวไหม

  •  Ss1990
    สมาชิก
    ประจำเดือนขาดไป16วันค่ะ อาการคล้ายๆจะประจำเดือนจะมาแต่ไม่มา ตรวจแล้วแล้วก็ขึ้นขีดเดียวค่ะ เลยตัดสินใจทานยาสตรีเพ็ญ แต่ก็ไม่มา มีแต่อาการปวดเมื่อยตลอดเวลา และเมื่อช่วงต้นเดือนได้ไปบริจาคเลือดมาคุณหมอบอกว่าเลือดหนืดมาก อยากทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่าคะ และควรทำยังไงดีคะให้ประจำเดือนมาปกติ

    สวัสดีค่ะ คุณ Ss1990,

                         หากประจำเดือนขาดไป 16 วัน และได้ตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้ว พบขึ้เพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ดังนั้น การที่ประจำเดือนไม่มา อาจเกิดจาก

                         1. มีความเครียด ทำงานหนัก ออกกำลังมากไป พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด 

                          2. มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วมีโรคอ้วน 

                          3. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                          4. มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วมีโรคอ้วน 

                          5. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ  

                          6. มีพังผืดเกิดขึ้นในมดลูก จากการเคยมีมดลูกอักเสบหรือเคยขูดมดลูก

                          สำหรับการไปบริจากเลือด แล้วพบเลือดหนืด หรือเลือดข้น อาจเกิดจาก

                         - ภาวะเลือดข้นที่มีสาเหตุจากปริมาณน้ำในเลือดลดลง เช่น การดื่มน้ำน้อย มีน้ำหนักตัวมาก การดื่มแอลกอฮอล์มากไป การสูบบุหรี่ การใช้ยาขับปัสสาวะ 

                         - ภาวะเลือดข้นที่มีสาเหตุจากมีเซลล์เม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ ซึ่งมักจะมีโรคอื่นๆ ร่วมอยู่ เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง มีเนื้องอกที่ไต เป็นต้น

                          ดังนั้น การมีภาวะเลือดหนืดหรือเลือดข้น อาจทำให้ปริมาณประจำเดือนออกมาน้อยได้ แต่ไม่น่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาค่ะ ในเบื้องต้นก็ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และอาจไปตรวจเลือดซ้ำดูอีกครั้งค่ะ 

                           สำหรับประจำเดือน ควรรอประจำเดือนให้ครบ 3 เดือนก่อน หากประจำเดือนยังไม่มา ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ หากตรวจแล้วไม่พบโรคทางกาย ก็น่าจะเกิดจากการผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ ซึ่งการรักษาคือการทานยาปรับฮอร์โมนเพื่อให้ประจำเดือนมาค่ะ