ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมาตลอดเกือบ2เดือน กินยาคุมแล้วดีขึ้น หลังจากนั้นมีเลือดออกอีก

  •  Supansa JahJar Srisuksai
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ เข้าเรื่องเลยนะคะ ประมาณช่วงเดือนธันวา/มกรา ประจำเดือนมาตลอดเกือบ2เดือน คราวนี้ไปปรึกษาหมอที่คลินิก เขาแนะนำว่าทานยาคุมอะคะ ทีนี้ก็ซื้อมาทานสักพักปรพอจำเดือนหยุด จนมาวันที่15-17เมษา ประจำเดือนมา3วันแล้วหายไป จากนั้นทานสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์มาตลอดและมาหยุดเดือนก.ค กลางเดือน เพราะประจำเดือนไม่มาเลยจนตอนนี้31ก.ค อยากมีลูกค่ะเลยตรวจแต่ก็ไม่ท้อง ต้องทำยังไงบ้างคะ
    Supansa JahJar Srisuksai  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ Supansa JahJar Srisuksai

    ประจำเดือนมามากคือประจำเดือนมามากกว่า 7 วัน หรือออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน อาจเกิดจาก

    -เนื้องอกมดลูก

    -ฮอร์โมนไม่สมดุล

    -มะเร็ง มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งรังไข่ 

    -ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ

    -อุ้งเชิงกรานอักเสบ

    -เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในเนื้อมดลูก

    -ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ 

    -เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่นยาคุมกำเนิด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

    เบื้องต้นแนะนำกลับไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและทำอัลตราซาวน์หน้าท้องเพื่อหาสาเหตุก่อน การรักษาเน้นรักษาตามสาเหตุ การให้ยาคุมกำเนิดจะเป็นการควบคุมระบบประจำเดือนให้กลับมาชั่วคราว หากสาเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข หลังหยุดยาก็อาจมีเลือดออกผิดปกติได้อีก การมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าอาจมีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอเช่นกัน จึงอาจมีบุตรได้ยาก ถ้ายังไม่ได้รักษา

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ไม่ซื้อยาปรับฮอร์โมนหรือยาสมุนไพรมากินเองเนื่องจากในยาอาจมีฮอร์โมนที่ทำให้เลือดออกมาได้มากขึ้น และหากมีเลือดออกมากผิดปกติร่วมกับมีก้อนเนื้อปนออกมา ปวดหน่วงท้องน้อย ควรรีบไปพบแพทย์