ถามแพทย์

  • กินยาคุมอยู่ มีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนไม่มา ตรวจหาการตั้งครรภ์หลายรอบไม่พบ เพราะอะไร

  • หนูมีอะไรกับแฟนแล้วแบบหลั่งในประจำเดือนของหนูเดือนกันยายนไม่มาทั้งเดือนเลยคะแต่ระหว่างนั้นก็กินยาคุมมาเรื่อยไปจนเข้าเดือนตุลาคมแล้วคะแต่มันมีเลือดออกมานิดหน่อยเมื่อ2-3วันก่อนและก็หายไป วันนี้ก็มีคะ แต่ไม่ได้ไหลเหมือนเป็นประจำเดือนปกติ เลือดออกมาละก็หายไปซื้อชุดตรวจมาตรวจก็ไม่เจอคะ ตรวจตั้งแต่เดือนกันยาหลายรอบมาก จนปัจจุบันก็ตรวจก็ไม่พบการตั้งท้อง หนูจะท้องไหมคะ ถ้าคนจะท้องตรวจตอนไหนก็เจอใช่ไหมคะ ถ้าท้องป่านนี้คงเจอ2ขีดไปนานแล้ว ใช่ไหมคะหมอแนะนำหน่อยคะ ควรกินยาคุมต่อไปเรื่อยๆไหมเพราะเมื่อวานก็มีอะไรกับแฟน

    สวัสดีค่ะ คุณ อรอุมา ศรีชัยภูมิ,

                          หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง และตรวจหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วนานมากกว่า 2 สัปดาห์ และไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ดังนั้น การที่ประจำเดือนไม่มา ขึงอาจเกิดจาก

                          1. ผลของการทานยาคุมกำเนิด ที่อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จึงไม่มีประจำเดือนมาได้ โดยเฉพาะยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ หรือเกิดจากการทานยาต่อเนื่องนานๆ

                           นอกจากนี้ การมีเลือดออกมาเล็กน้อยแล้วหายไป ถือเป็นอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย ที่สามารถพบเป็นผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดได้

                          2. ทานยาคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง เช่น หากเป็นยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด เมื่อทานครบแล้ว ต้องเว้นระยะให้ครบ 7 วัน (ซึ่งประจำเดือนก็จะมาในช่วงนี้) หากไม่เว้นระยะ 7 วัน ก็ย่อมจะไม่มีประจำเดือนมาค่ะ หรือหากเป็นชนิด 28 เม็ด ก็ต้องทานให้ครบ 28 เม็ด (ซึ่งจะเป็นเม็ดแป้งใน 7 เม็ดสุดท้าย) ก่อนที่จะเริ่มทานยาแผงใหม่ หากไม่ทานเม็ดแป้ง ก็ย่อมจะไม่มีประจำเดือนมาเช่นกัน

                          ดังนั้น หากทานยาคุมได้อย่างถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่มีประจำเดือนมา และได้ตรวจหาการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องแล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น และสามารถที่จะทานยาคุมกำเนิดต่อไปได้ค่ะ