ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุมไปแล้ว ประจำเดือนไม่มา 3 เดือน ตรวจแล้วไม่ท้อง เพราะอะไร

  •  noynoy
    สมาชิก
    รบกวนสอบถามค่ะ ทานยาคุมมาประมาณ เกือบ 2 ปี ตั้งแต่หยุดทานยาคุมไป3เดือนแล้ว ประจำเดือนไม่มา 3 เดือนแล้ว หลังจากหยุดทานยาคุมใช้การหลั่งนอกตลอด ใช้ที่ตรวจครรภ์ไปประมาณ 5 ครั้ง1ขีดทุกครั้ง ไม่พบอาการใดใดของคนท้องปกติทุกอย่างแต่ประเดือนไม่มา แต่มีคนทักว่าที่หน้าไม่มีเลือดเลย ท้องหรือเปล่าคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ noynoy,

                        หากหยุดทานยาคุมกำเนิดไป 3 เดือนแล้ว ประจำเดือนยังไม่มา แต่ได้ตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ ดังนั้น การที่ประจำเดือนยังไม่มา จึงเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น

                       1. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ เช่น มีกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิวเยอะ และมีขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป    

                       2. มีน้ำหนักขึ้นมาก หรือมีโรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้ 

                       3. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ 

                       4. มีพังผืดเกิดขึ้นในมดลูก จากการที่เคยมีมดลูกอักเสบหรือเคยขูดมดลูก

                        5. มีเนื้องอกในต่อมใต้สมอง แต่จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหัว มองเห็นภาพซ้อน มีน้ำนมไหล เป็นต้น

                        นอกจากนี้ หากมีภาวะโลหิตจางมาก ก็อาจเป็นสาเหตุได้ด้วย

                        ดังนั้น หากประจำเดือนยังคงไม่มา แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ หากไม่ได้มีโรคอะไร ก็น่าจะเกิดจากการทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติ ซึ่งการรักษาคือการทานยาปรับฮอร์โมน เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติค่ะ