ถามแพทย์

  • หลังมีเพศสัมพันธ์ ตรวจหาการตั้งครรภ์ไม่พบ และมีประจำเดือนมาแล้ว แต่หลังจากนั้น ประจำเดือนยังไม่มา มีตกขาวและปวดท้องน้อย เกิดจากอะไร

  •  bellowbellow279
    สมาชิก
    เมื่อ2เดือนที่แล้วได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนและหลังจากมีอะไรกันผ่านมา14และ18วันได้มีการตรวจครรภ์แต่ผลคือไม่ท้อง และหลังจากนั้นประจำเดือนก็มาปกติดีค่ะ แต่ว่าประจำเดือนของเดือนนี้ยังไม่มา ซึ่งมาช้ากว่าปกติไป7วันแล้วและวันนี้1/01/2565ได้มีการตรวจครรภ์อีกรอบผลก็ไม่ท้องค่ะ อยากทราบว่าผิดปกติอะไรมั้ยคะที่อยู่ๆประจำเดือนก็หายไปประมาณ7-8วันแล้ว และยังมีตกขาวสีเหลืองและปวดท้องน้อยด้วยค่ะ อยากทราบว่าอาการแบบนี้เกิดจากอะไรคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ bellowbellow279,

                         หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 14 และ 18 วัน แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ และหากประจำเดือนได้มาแล้ว ก็ย่อมแสดงว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ค่ะ

                         และหากหลังจากที่มีประจำเดือนมาแล้ว ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก ก็ย่อมจะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ดังนั้น  ประจำเดือนยังไม่มา ก็จะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีความเครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากไป พักผ่อนน้อย อดนอน นอนดึก อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว มีการเจ็บป่วยไม่สบาย เป็นต้น

                       ส่วนอาการตกขาวสีเหลืองและปวดท้องน้อย อาจเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมาก็ได้ ดังนั้น ก็ควรรอดูประจำเดือนต่อไปก่อนอีกซัก 1 สัปดาห์ค่ะ แต่หากประจำเดือนยังคงไม่มา และยังคงมีตกขาวปริมาณมากทุกวัน รวมถึงยังคงมีปวดท้องน้อย แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น มีการติดเชื้อหนองใน มีมดลูกอักเสบ เป็นต้น