ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา 1 อาทิตย์กว่าแล้ว ก่อนหน้านี้มีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยางอนามัยตลอด จะท้องไหม

  •  Nook Thitima
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ คือประจำเดือนมาล่าสุดวันที่ 29 เดือนกันยายนค่ะ (รอบเดือนจะมาประมาณ 7-8 วันต่อรอบ แล้วชอบมาไม่เหมือนกัน บางเดือนมาแบบคร่อมเดือน บางเดือนก็ไม่คร่อม) ซึ่งตามเป็นจริงแล้วประจำเดือนจะมาประมาณวันที่ 26-30 ตุลาคม แต่จนถึงวันนี้วันที่ 6 พฤศจิกายน ประจำเดือนก็ยังไม่มาเลยค่ะ ตอนมีอะไรกับแฟนก็จะใส่ถุงยางอนามัยเสมอและไม่เคยเสร็จในขณะที่ยังสอดอยู่เลยสักครั้ง เช็คถุงยางดีแล้วด้วยค่ะว่าไม่รั่ว เพราะดิฉันเองก็กลัวท้อง เลยต้องเช็คถุงยางอนามัยให้ดีทุกรอบว่าไม่มีรอยรั่ว แต่ช่วงนี้เครียดบ่อยมากๆ แล้วก็ป่วยไม่หยุดเลยค่ะ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยบวกกับเปลี่ยนเวลานอนของตัวเอง จากที่ปกตินอนตอนตี 3-5 เปลี่ยนเป็นมานอนตอน 4 ทุ่มถึงตี 1 แล้วช่วงนี้ก็เพลียบ่อยและจะวูบบ่อยด้วยค่ะ เพราะตากแดดออกไปทำธุระทุกวันมาประมาณเกือบๆ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ไหมคะ คือไม่อยากที่จะตั้งครรภ์เลยค่ะ ยังไม่พร้อม เครียดไปหมดจนบางทีก็คิดว่าที่ประจำเดือนไม่มาสักทีอาจเป็นเพราะแพนิคเกินไปหรือเปล่า
    Nook Thitima  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ Nook Thitima

    การมีเพศสัมพันธ์ชนิดที่ได้ใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันเอาไว้ตลอดการมีเพศสัมพันธ์ และถุงยางไม่ขาด ไม่รั่วเลยนั้น มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยกว่า 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากค่ะ

    อาการรู้สึกการนอนเปลี่ยนไป วูบบ่อย เพลียดังกล่าวมานั้น ไม่ใช่อาการที่จำเพาะเจาะจงต่อการตั้งครรภ์ อาจจะเกิดจากการพักผ่อนน้อยได้มากกว่า

    หากไม่สบายใจเรื่องการตั้งครรภ์นั้น แนะนำการซื้อชุดตรวจครรภ์ทางปัสสาวะมาตรวจได้เองเบื้องต้น ซึ่งชุดตรวจนี้จะให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังปฏิสนธิ หากประจำเดือนขาดหายไปแล้วน่าจะให้ผลบวกได้หากมีการตั้งครรภ์ หากให้ผลลบ แต่รอบเดือนก็ยังไม่มา ควรไปยืนยันผลที่รพ.และหาสาเหตุอื่นๆที่เป็นไปได้ที่ทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่า 35 วันจากรอบก่อนต่อไปเช่น การมีฮอร์โมนรังไข่ไม่สมดุล ถุงน้ำหลายใบในรังไข่ พังผืดมดลูก โรคไทรอยด์หรือต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ผนังมดลูกบาง ความเครียดความกังวลมีผลได้ แต่ควรตัดเรื่องการตั้งครรภ์ออกไปให้ได้ก่อนค่ะ