ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มาหลังหยุดทานยาคุม มีตกขาวออกมามาก เจ็บเต้านม เป็นอาการอะไร

  •  Sam Samart
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ พอดีดิฉันหยุดทานยาคุมมาได้ประมาณสองเดือนแล้วค่ะเพราะอยากมีลูก เดือนที่แล้วประจำเดือนมาวันที่ 10-15 ส.ค.62 จนมาเดือนนี้ประจำเดือนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเลยค่ะ ดิฉันมีอาการปวดท้องน้อยเหมือนประจำเดือนจะมา เป็นๆหายๆ ช่วงก่อนนอนกับช่วงเช้ามืดจะมีอาการปวดอย่างชัดเจน ไม่ทีประจำเดือนมีแต่ตกขาวที่ไหลเป็นน้ำค่ะ มีอาการปวดตุบๆที่เต้านมทั้งสองปวดมากกว่าที่เคยเป็นก่อนมีประจำเดือนครั้งก่อนๆ ลองตรวจการตั้งครรภ์ก็ขึ้นขีดเดียวชัดเจนมาก รู้สึกปวดหลังหิวบ่อยกว่าปกติท้องอืดอาหารไม่ย่อยแล้วน้ำหนักก็ขึ้นมาหลายกิโลทั้งๆที่เป็นคนน้ำหนักขึ้นยากมาก แบบนี้จะเป็นอันตรายไหมคะ เป็นผลมาจากการหยุดทานยาคุมรึป่าวคะ? แล้วประจำเดือนยังไม่ทาแบบนี้ดิฉันยังพอมีลุ้นที่จะมีลูกมั้ยคะ?

     สวัสดีค่ะ คุณ Sam Samart

    การขาดประจำเดือน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์, ภาวะเครียด, การเจ็บป่วยทางร่างกายต่างๆ, ภาวะไข่ไม่ตก, การมีถุงน้ำรังไข่หรือกลุ่มอาการของพีซีโอ, การทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ, พยาธิสภาพที่ต่อมใต้สมอง ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด เป็นต้น

    ส่วนอาการตกขาวแบ่งเป็น 2แบบ คือ

    -ตกขาวแบบปกติ: โดยลักษณะสีขาวใส ขาวขุ่นเนื้อหยาบ ไม่มีกลิ่นเหม็น   

    -ตกขาวแบบผิดปกติ: ลักษณะสีเขียว เหลือง ตกขาวปนเลือด กลิ่นเหม็น ซึ่งอาการตกขาวที่ผิดปกตินี้ สามารถเกิดได้จาก ช่องคลอดหรือ อาจเกิดจากมดลูกอักเสบค่ะ โดยเชื้อที่ก่อโรค อาจเป็นเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อหนองในแท้ เชื้อหนองในเทียม เป็นต้น 

    จากที่เล่ามา การขาดประจำเดือนนั้น คิดว่า ไม่ได้เป็นจากยาคุมกำเนิดนะคะ เพราะ หยุดยามา 2เดือน ฤทธิ์ยานั้นจะหมดฤทธิ์ไปแล้วนะคะ การขาดประจำเดือนน่าจะเป็นจากสาเหตุอื่นๆค่ะ

    ส่วนอาการตกขาวปริมาณมาก ร่วมกับอาการปวดท้องมากกว่าปกติ อาจต้องระวังว่ามีมดลูกอักเสบหรือไม่นะคะ

    แนะนำคุณ Sam Samart ให้ไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ และรับการรักษาอย่างเหมาะสมนะคะ