ถามแพทย์

  • ประจำเดือนหมดไปอาทิตย์กว่าแล้วหยุดกินยาคุม 2 วันถัดมามีเลือดออกมา ใช่ประจำเดือนไหม แล้วจะท้องไหม

  •  Fon_pp
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ คือประจำเดือนหมดไปประมาณอาทิตย์กว่า เเล้วเลิกกินยาคุมกำเนิด มีเลือดออกมา2วันเเล้วค่ะ (เลือดมีสีเเดงจางๆ) อยากทราบว่าเป็นเลือดประจำเดือนรึป่าวค่ะ? ก่อนที่จะมีเลือดออก มีอะใรกะเเฟนหลังหมดรอบเดือน(เเล้วไม่ได้กินยาคุม) เเล้วปวดท้องน้อยมา5-6วัน มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย เเบบนี้มีสิทธิ์ตั้งครรภ์รึป่าวค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Fon_pp,

                              หากหยุดทานยาคุมกำเนิดโดยที่ยังทานไม่หมดแผง เมื่อหยุดทานไปประมาณ 2-4 วัน ย่อมมีเลือดออกมา ซึ่งเป็นเลือดที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดหลุดลอกออกมา จากการขาดการกระตุ้นจากฮอร์โมนของยา อาจถือเป็นเลือดประจำเดือน (ที่เป็นผลจากยาได้ ซึ่งก็เหมือนกับเลือดที่ออกหลังจากทานยาคุมครบ 21 เม็ดค่ะ)

                              เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิดแล้ว ฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะหมดลงในทันที หากมีเพศสัมพันธ์หลังจากหยุดทานยา ย่อมมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ แต่หากได้มีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่จะมีเลือดออกดังกล่าว ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ แต่หลังจากนี้ หากมีเพศสัมพันธ์ ควรหาวิธีป้องกันต่อไปค่ะ

                             สำหรับอาการปวดท้องน้อย คลื่นไส้ อาเจียน ไม่น่าใช่อาการของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาการของการตั้งครรภ์ที่สำคัญ คืออาการขาดประจำเดือน แล้วจึงจะมีอาการต่างๆ ของการแพ้ท้องตามมาค่ะ 

                             อาการที่เป็นอยู่ อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบ หรือหากมีตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย อาจเป็นมดลูกอักเสบก็ได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากมีท้องผูกก็ได้ หากอาการยังคงเป็นอยู่ต่อเนื่อง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ