ถามแพทย์

  • หยุดกินยาคุมมา 3 ปี ประจำเดือนมา 2-3 เดือนครั้ง และยังไม่สามารถมีลูกได้ เกิดจากอะไร

  •  Orawan Saophun
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ อาการประจำเดือนของหนูมาไม่ปกติค่ะอยากทราบว่าเป็นเพราะเหตุอะไร เมื่อก่อนหนูฉีดยาคุมแบบ3เดือนครั้ง ประมาน1ปี แล้วหนูหยุดฉีด แล้วหันมาทานยาคุมแบบเม็ดได้. 5-6. หลังจากหนูหยุดทานยาคุมได้3ปีนีแล้วค่ะระหว่างหยุดทาน ประจำเดือนก็มาไม่ปกติ บางที2-3เดือนมา1ครั้ง บางเดือนมาซ้ำ และล่าสุด 2เดือนมา1ครั้ง และมาซ้ำในเดือนเดียว เป็นแบบนีมา4 เดือนแล้วนี้แล้วค่ะ พอจะทราบสาเหตุไหมค่ะคุณหมอว่าเกิดจากอะไร แล้วหนูอยากมีลูกแต่ก็ไม่ติดเลยค่ะปล่อยคุม3ปีแล้ว

    สวัสดีค่ะ คุณ Orawan Saophun,

                      หากได้หยุดทานยาคุมกำเนิดมา 3 ปีแล้ว ยาคุมก็จะไม่ได้มีผลต่อการทำงานของรังไข่และการมีประจำเดือนมาอีก ดังนั้น หากมีระยะห่างระหว่างรอบประจำเดือนที่นาน 2-3 เดือน ก็จะถือว่าผิดปกติ โดยอาจเกิดจาก

                      1. การมีโรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮฮร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้   

                      2. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ เช่น มีภาวะมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิวเยอะ และมีขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป     

                      3. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ 

                      4. มีพังผืดเกิดขึ้นในมดลูก จากการเคยมีมดลูกอักเสบหรือเคยขูดมดลูก

                        การที่ประจำเดือนมานานๆ ครั้ง ไม่ว่าจะสาเหตุจากอะไร อาจทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์เกิดได้ยากขึ้นกว่าคนที่มีประจำเดือนปกติ ดังนั้น หากไม่ได้คุมกำเนิดมา 3 ปีแล้ว และมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ และยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ก็จะถือว่ามีภาวะมีบุตรยาก ดังนั้นแนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ทำให้มีประจำเดือนมาผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้มีภาวะมีบุตรยากด้วยค่ะ นอกจากนี้ ควรพาฝ่ายชายไปตรวจด้วย เพราะอาจเกิดจากทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันก็ได้