ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมาทั้งๆที่กำลังกินยาคุมเม็ดสีขาวอยู่ เกิดจากอะไร ควรแก้ไขอย่างไร

  •  Nicharee
    สมาชิก
    เดือนพฤษภาคม ประจำเดือนมาวันที่ 11-15 แล้วหยุด เริ่มทานยาคุมเม็ดขาววันที่ 15 จนถึงวันที่ 23 แล้วมีประจำเดือนออกมาเป็นสีช็อคโกแลตเปื้อนนิดๆ มีลิ่มเลือด และเป็นก้อนเลือด ปวดท้องประจำเดือนมาก จนไปหาหมอวันที่ 26 บอกให้กินยาคุมเม็ดขาว เช้า 1 เม็ด กลางวัน 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด รวม 3/วัน จนกว่าประจำเดือนหยุดก็ทานยามคุมเหมือนเดิม ประจำเดือนหยุดวันที่ 31 พฤษภาคม - 4 มิถุนายน วันที่ 5 มิถุนายน ประจำเดือนก็มาอีกทั้งๆที่ยังทานยาคุมเม็ดขาวตลอด จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดมีประจำเดือน ปวดท้องประจำเดือนมาก มีลิ่มเลือด และก้อนเลือด มีประจำเดือนสีแดงออกมาใช้ผ้าอนามัย 2 แผ่นเล็ก 1 แผ่นใหญ่ต่อวัน คืออยากมีประจำเดือนปกติเหมือนเดิมควรทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้อยู่ไม่ปรกติสุขเลย ประจำเดือนมาตลอดเลย
    Nicharee  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Nicharee

    การใช้ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนั้นเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก หากได้กินติดต่อกันทุกวันจนหมดแผงยา โดยการเริ่มยาควรเริ่มภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเพื่อให้สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทันที

    โดยปกติแล้วระหว่างการใช้ยาคุม อาจมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดแบบกระปริดกระปรอยได้เล็กน้อย มักจะหยุดได้เอง ไม่จำเป็นต้องทำอะไรหากไม่ได้มีอาการมากนัก ก็คือกินยาต่อไปตามปกติ และการใช้ยาคุมกำเนิดจะเป็นวิธีการปรับฮอร์โมนทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอได้ดี

    ในตอนนี้ที่ยังมีประจำเดือนออกมามากนั้น อาจจะต้องดูด้วยว่าไม่มีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเช่นการมีเนื้องอกหรือการติดเชื้อใดๆที่ช่องคลอด ปากมดลูก หรือมดลูก แนะนำการกลับไปพบแพทย์ที่ดูแลเพื่อตรวจร่างกายซ้ำอีกครั้ง และถ้าไม่มีความผิดปกติใดๆทางกาย คือเป็นจากฮอร์โมนไม่สมดุล อาจสอบถามแพทย์ที่ดูแลเรื่องการใช้ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนเพื่อช่วยปรับประจำเดือนให้มาตามปกติได้เช่นกัน