ถามแพทย์

  • คันบริเวณแคม จับแล้วรู้สึกบวม ต่อมาหายคัน แต่ยังบวมอยู่ เป็นอะไร

  • อยากทราบค่ะ คุณหมอคะ คือเมื่อ2-3วันก่อน หนูมีอาการคันจิมิ๊อ่ะค่ะ ตรงกลีบนะคะ หนูก็เกานะคะ พอทีนี้หนูก็ไปจับๆลูบๆดู อยู่ดีๆมันเป็นแบบบวมๆเหมือนมดกัดหรือยุงนี่แหล่ะค่ะ แต่นี่ก็ผ่านมา2วันแล้ว ตอนนี้ไม่คันค่ะ แต่ยังเป็นบวมๆอยู่ สงสัยว่าเป็นอาการของโรคอะไรหรือป่าวคะ หรือแพ้อะไรค่ะ (ก่อนหน้าจะคัน สามีหลั่งในวันนึงค่ะ อีกวันใส่ถุงยางรุ่นเพอฟอร์มาค่ะ) เกี่ยวมั้ยคะ #ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nicezer2560,

                         สาเหตุของอาการคันบริเวณแคมหรือปากช่องคลอด อาจเกิดได้จาก

                        1. การติดเชื้อราบริเวณอวัยวะเพศภายนอก นอกจากอาการคัน มักจะเกิดเป็นผื่นสีแดง หรือผิวเกิดการลอก บวมแดง และอาจมีอาการเจ็บแสบเวลาปัสสาวะได้ หากมีการติดเชื้อในช่องคลอดร่วมด้วย ก็จะมีตกขาวที่ผิดปกติด้วย คือมีตกขาวมีปริมาณมาก มีสีขาวขุ่นจับตัวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียกหรือนมบูด

                        2. การระคายเคืองหรือแพ้สัมผัสจากสารเคมีต่างๆ เช่น อาจแพ้ผงซักฟอก  หรือน้ำยาที่ใช้ซักกางเกงใน แพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แพ้ผ้าอนามัย แพ้แป้งที่นำมาทาบริเวณอวัยวะเพศภายนอก แพ้เนื้อผ้ากางเกงใน รวมถึงแพ้ถุงยางอนามัยก็ได้ เป็นต้น

                      3. การเปียกชื้นบริเวณอวัยวะเพศเช่น ชุดชั้นในรัดมากเกินไป ไม่ระบายอากาศ หรือมีเหงื่อออกมาก

                      4.  มีแผลฉีกของช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์

                       หากในตอนนี้ ไม่มีอาการคันแล้ว ก็ไม่น่าเกิดจากการติดเชื้อรา แต่น่าจะเกิดจากการแพ้ระคายเคืองได้ ส่วนอาการบวม ก็น่าจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไปเอง แต่หากอาการบวมที่แคมยังคงเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเกิดจากเป็นบาร์โธลินซีสต์ก็ได้ ดังนั้น หากอาการบวมไม่หายไป แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจค่ะ 

                      ในช่วงนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพ้และระคายเคือง เช่น ไม่ใช้น้ำยาสวนล้างช่องคลอด ไม่ใช้ถุงยางอนามัยยี่ห้อที่ไม่เคยใช้ ไม่ทาแป้ง น้ำหอม หรือโลชั่นที่อวัยวะเพศ เป็นต้น