ถามแพทย์

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ปวดท้องบิดๆ มีไข้ อ่อนเพลียไม่มีแรง ทานยาไปอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ไหม

  •  Paradee Chaichana
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ คุณหมอ เมื่อคืน ดิฉันมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีสีเขียวดำ (เวลานั่งถ่ายจะไม่ค่อยรู้สึกว่าถ่ายออกทั้งๆที่ออกมาเป็นน้ำ) ปวดท้องบิดๆ มีอาการร้อนๆหนาวๆ เวียดหัว ปวดหัว ตัวร้อน อ่อนเพลียมากๆ ไม่มีแรง ถ่ายหลายรอบแล้ว เบื้องต้นรับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาปวดท้องเกร็ง และพารา แต่อาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แบบนี้ครวพบแพทย์มั้ยคะ หรือรอดูอาการอีกสักวัน

     สวัสดีค่ะ คุณ Paradee Chaichana,

                          อาการต่างๆ ที่เป็นอยู่ คืออาการของท้องเสีย ซึ่งมักเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือ ลำไส้อักเสบแบบเฉียบพลับ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อที่มาจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรค หรือจากมือหรือภาชนะที่ใส่อาหารและน้ำดื่มไม่สะอาด เชื้อโรคส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ซึ่งมีหลายชนิด ส่วนน้อยอาจเกิดจากเชื้อปรสิตและพยาธิ หรือเชื้อรา

                         หากไม่ได้มีอาการอาเจียนร่วมด้วย และมีอาการปวดบิดหรือปวดเบ่งเวลาถ่าย รวมถึงมีไข้ดังกล่าว ก็ควรทานยาปฎิชีวนะฆ่าเชื้อดังที่ทำอยู่ เช่น นอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) เพื่อให้อาการหายเร็วขึ้น และอาจทานคาร์บอนเสริมร่วมด้วย

                        นอกจากนี้ ที่สำคัญคือการพยายามดื่มน้ำสะอาดให้มาก และดื่มน้ำเกลือแร่ร่วมด้วยเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปทางอุจจาระ ส่วนอาหาร พยายามเลือกทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย รสจืด เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ของผัด และเนื้อสัตว์ เพราะย่อยยาก และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะจะยิ่งทำให้ถ่ายมากขึ้น  

                        หากยังคงถ่ายอุจจาระบ่อย ปริมาณอุจจาระมาก และไม่สามารถดื่มน้ำชดเชยได้เพียงพอ ซึ่งสังเกตได้จากการมีริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง เบ้าตาลึก หัวใจเต้นเร็ว ปัสสาวะออกน้อย สีเหลืองเข้ม เป็นต้น หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง จึงควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือดทดแทนค่ะ