ถามแพทย์

  • ท้องผูกมาก ถ่ายแค่เดือนละ 1 ครั้งมาหลายปี ดื่มน้ำและทานผักผลไม้แล้วยังไม่ดีขึ้น เคยทานยาถ่ายบ่อย

  •  Zoe Chen
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ รบกวนปรึกษาคุณหมอค่ะ เป็นคนท้องผูกมาก ธาตุหนักมากๆ ขับถ่ายแค่เดือนละ 1 ครั้งมาหลายปีแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าจะทานผักและผลไม้เยอะแล้ว ดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร และออกกำลังกายเกือบทุกวันตอนเช้า ก็ยังไม่ดีขึ้นค่ะ แต่เมื่อก่อนเคยทานยาถ่ายบ่อย แต่ปัจจุบันผ่านมา 10 ปีเลิกขาดแล้วค่ะ พยายามทานเยอะขึ้นมากๆก็ยังไม่ถ่ายค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Zoe Chen,

                     อาการท้องผูก เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                     1. การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จากการที่มีปริมาณอุจจาระน้อย เช่น เกิดจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การนั่งทำงานทั้งวัน ทำให้ลำไส้ไม่บีบเคลื่อนตัว

                     2. จากปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลให้ลำไส้ลดการบีบตัวลง

                     3. การเบ่งถ่ายอุจจาระผิดวิธี ซึ่งเกิดจากการทํางานไม่ประสานกันของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเบ่งอุจจาระ คือมีการออกแรงเบ่งพร้อมกับขมิบหูรูดทวารหนักไปด้วย เมื่อแรงเบ่งมีไม่มากพอที่จะเอาชนะแรงต้านบริเวณหูรูด อุจจาระก็ไม่สามารถจะเคลื่อนออกมาได้

                    4. การทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หรือภาวะลำไส้เฉื่อย เป็นการที่ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวน้อยลงทําให้อุจจาระเคลื่อนลงมาช้ากว่าปกติ 

                     5. มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายทำงานผิดปกติรวมถึงภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานผิดปกติ มักพบในผู้หญิงวัยกลางคน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเบ่งอุจจาระไม่ออกหรือกลั้นถ่ายอุจจาระไม่ได้

                    6. การทานยาบางชนิด ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกได้ เช่น ยาลดกรด ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากันชัก ยาเสริมแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เป็นต้น

                    7. การเสียสมดุลของฮอร์โมน เช่น ตั้งครรภ์ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เป็นต้น

                    8. โรคไส้ตรงปลิ้น  (Rectal prolapse)

                    9. มีการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เช่น มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ แต่มักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดปน ถ่ายเป็นเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น หรืออาจเกิดจากเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่จนกดเบียดลำไส้ตรงและทวารหนัก เป็นต้น

                    ส่วนการที่เคยทานยาระบายบ่อยๆ โดยเฉพาะยาที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เช่น มะขามแขก, bisacodyl หากใช้อย่างต่อเนื่องจะก่อให้เกิดอาการดื้อยาหรือท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยาขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดอาจทำให้โครงสร้างและการทำงานของลำไส้เปลี่ยนแปลงไปได้

                    แต่ทั้งนี้ หากเลิกทานยาระบายมา 10 ปีแล้ว และได้ปรับพฤติกรรม โดยการดื่มน้ำเปล่ามากๆ ทานผักและผลไม้ทุกมื้อ รวมถึงการออกกำลังกายแล้ว ก็ยังคงมีท้องผูกรุนแรง แนะนำควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเดินอาหารเพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น การส่องกล้อง การตรวจดูการเคลื่อนผ่านของอุจจาระภายในลำไส้ใหญ่ (colonic transit time) การตรวจหาความผิดปกติของกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณทวารหนัก เพื่อดูว่ากล้ามเนื้อทั้ง 2 ส่วนนี้มีการคลายตัวหรือบีบตัวประสานกับการเบ่งหรือไม่ เป็นต้น 

                    สำหรับการรักษาผู้ที่มีอาการท้องผูกรุนแรงและเรื้อรัง จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ หากเกิดจากการที่ลำไส้ทำงานน้อยผิดปกติ ก็จะรักษาที่ต้นเหตุและอาจให้ยาเพื่อกระตุ้นให้ประสาทลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น แต่หากเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายทำงานผิดปกติ ภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานผิดปกติและความผิดปกติทางทวารหนักส่วนปลาย การรักษาอาจใช้การฉีดยาโบท็อกซ์หรือการผ่าตัดแก้ไขค่ะ ดังนั้น ไม่ควรปล่อยอาการท้องผูกต่อไป ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางและหาสาเหตุเพื่อรักษาค่ะ