ถามแพทย์

  • ทานยาคุมมา 3 ปี หลังหยุุดทานยามีเลือดประจำเดือนมานานกว่าปกติ เกิดจากอะไร

  •  marmar
    สมาชิก

    ดิฉันทานยาคุมมา 3 ปีโดยประมาณ และได้หยุดทานยาคุมตอนหมดแผง โดยปกติเป็นคนมีประจำเดือนมากอยู่แล้วค่ะ จะมา 7 วันโดยประมาณและมาเยอะ เดือนแรกที่หยุดประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติแต่มาไม่มาก พอเข้าเดือนที่ 2 ประจำเดือนมาตั้งแต่วันที่ 3 ถึงวันนี้ค่ะ รวมๆ แล้วก็ 17 วัน มาในระดับปกติ สีปกติและไม่มีอาการปวดท้องหรือใด ๆ ค่ะ เลยกังวลว่าเป็นเรื่องปกติไหมหลังจากหยุดทานยาคุม รบกวนคุณหมอช่วยให้คำปรึกษาด้วยค่ะ ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ marmar,

                       การมีเลือดออกมาตั้งแต่วันที่ 3-19 ก.ย. รวม 17 วันแล้ว อาจเกิดจาก

                       1. มีการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น แท้งคุกคาม แท้งไม่ครบ เป็นต้น แต่มักมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย ทั้งนี้ หากหลังจากหยุดทานยาคุมกำเนิดไปแล้ว ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ค่ะ

                       2. มีมดลูกอักเสบ แต่มักมีอาการปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย

                        3. การทำงานผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                       4. ความผิดปกติที่มดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น 

                       5. มีโรคในระบบอื่นๆ เช่น มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ เป็นต้น

                      6. การใช้ฮอร์โมนบางชนิด เช่น ยาสตรี สมุนไพรต่างๆ เป็นต้น 

                      หากหลังจากหยุดทานยาคุมกำเนิด ได้มีเพศสัมพันธ์ แนะนำควรลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูด้วยค่ะ แต่หากตรวจไม่พบ หรือไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ แต่เลือดยังคงไหลต่อเนื่อง ก็ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางสูติ-นรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาค่ะ ไม่ควรปล่อยไว้นานต่อไป เพราะจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางตามมาได้ค่ะ