ถามแพทย์

  • อายุ 17 ปี มีถ่ายเหลวเป็นน้ำมา 4-5 วัน ถ่ายวันละ 2 ครั้ง เคยกินยาฆ่าเชื้อ จะเกี่ยวกันไหม

  •  bt4777
    สมาชิก

    หนูอายุ17ปีค่ะ มีอาการถ่ายเหลวถ่ายเป็นน้ำมา4-5วันแล้ว ชอบเป็นตอนช่วงเช้าค่ะ ถ่ายวันละ2ครั้ง ไม่มีเลือด อาการร่วมคือจะชอบปวดท้องน้อยก่อนถ่ายค่ะ ทุกครั้งเหมือนถ่ายไม่สุดและรู้สึกอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก พอถ่ายออกมาก็เหลวค่ะ เคยกินยาฆ่าเชื้อในกระเพราะอาหารมาก่อนหน้านี้จะเกี่ยวกันมั้ยคะ แล้วหนูควรทำอย่างไรบ้างคะถึงจะหาย

    สวัสดีค่ะ คุณ bt4777,

                          อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ หากเพิ่งเป็นมา 4-5 วัน ยังไม่เกิน 2 สัปดาห์ ถือว่ามีอาการอุจจาระร่วงแบบเฉียบพลัน ซึ่งสาเหตุโดยส่วนใหญ่เกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือลำไส้อักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน นอกจากนี้แล้ว ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผลข้างเคียงจากการทานยาบางอย่าง (รวมถึงยาปฏิชีวนะบางชนิดด้วย) การทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ด หรือรสเปรี้ยว หรืออาจเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมาก็ได้ หรือเกิดจากมีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ (แต่ก็จะต้องมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอีกหลายอย่าง) เป็นต้น

                         ทั้งนี้ หากเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือลำไส้อักเสบติดเชื้อ นอกจากจะมีอาการถ่ายเหลวแล้ว อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อย เวียนหัว และอาจมีไข้ได้

                        สำหรับยาปฏิชีวนะที่เคยทานไปก่อนหน้านั้น หากได้หยุดทานไปแล้ว ก็ไม่น่ามีผลทำให้เกิดอาการท้องเสียอีกค่ะ

                        ในเบื้องต้น แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และควรดื่มน้ำเกลือแร่ร่วมด้วย ส่วนอาหาร ควรเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย รสจืด เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ของผัด และเนื้อสัตว์ และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะจะยิ่งทำให้ถ่ายมากขึ้น และควรงดการผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวต่างๆ ไปก่อน หากอาการถ่ายเหลวยังคงเป็นต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ก็แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ