ถามแพทย์

  • อายุ13 ปี เอามือจับคัตเตอร์จนนิ้วเป้นสีส้ม แล้วเอามือไปแกะแผลที่หู เป็นอะไรมั๊ยครับ

  • สวัดดีครับผมอายุ13 เอามือจับคัตเตอร์จนนิ้วส้ม แล้วเอามือแกะแผลที่หู เป็นอะไรมัยครับ เคยฉีดวัคซีนตอนเด็กแล้วด้วย ขอบคุณคุณหมอมากเลยครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ ก้านแก้ว ปัณณทัต,

                  โรคบาดทะยักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani พบเชื้อชนิดนี้ในพื้นดิน พื้นผิวที่มีฝุ่นต่างๆ รวมทั้งผิวหนังและอุจจาระคน  และยังพบได้ในมูลสัตว์ต่างๆเช่น หมู ไก่ หมา แมว วัว ควาย ตัวเชื้อถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน แต่สปอร์ของเชื้อมีความทนทาน สามาถอยู่ในน้ำเดือดได้ ทนต่อสารเคมีและยาฆ่าเชื้อต่างๆ เชื้อบาดทะยักสามารถเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดโรคได้หลายทาง เช่น 

                  - ผ่านทางแผลสด  เช่น แผลจากตะปู หรือเศษไม้ตำ แผลถูกสัตว์กัด แผลถลอก แผลฉีกขาด แผลถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รวมทั้งแผลจากการถอนฟัน รักษารากฟัน ก็มีโอกาสติดเชื้อนี้ได้ หากระบบปลอดเชื้อไม่ได้มาตรฐาน

                  - แผลจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน พบในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด หรือการสักลาย 

                   - ผ่านทางแผลเรื้อรัง เช่นแผลเบาหวาน 

                   - ผ่านทางสายสะดือในเด็กแรกคลอด เกิดจากมารดาที่ไม่เคยฉีดวัคซีนบาดทะยัก และการใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดตัดสายสะดือเด็ก

                   - จากการเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบ

                  มีบางกรณีที่ไม่พบสาเหตุว่า เชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางไหน

                  สำหรับคุณก้านแก้ว การที่หูมีแผล แล้วนำมือที่สกปรกเปิ้อนดินหรือฝุ่นที่มาจากคัตเตอร์แล้วนำมาโนบริเวณแผล ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อบาดทะยักและทำให้เกิดโรคได้ค่ะ

                  แต่เนื่องจากโดยปกติ ในช่วงที่เรียนชั้นประถมศึกษา (ส่วนใหญ่คือ ป.5-ป.6) เด็กจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักที่โรงเรียน ดังนั้นหากคุณก้านแก้ว จำได้หรือมีหลักฐานชัดเจนว่าได้ฉีดไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องฉีดค่ะ แต่หากในช่วงที่เรียนชั้นประถมศึกษาไม่ได้ฉีด และการเข็มสุดท้ายฉีดไปเมื่อช่วงอายุ 4-6 ขวบ (ซึ่งจะเป็นวัคซีนรวม คอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก) ก็แนะนำให้ฉีดค่ะ โดยควรเลือกฉีดวัคซีนชนิดคอตีบ-บาดทะยักค่ะ

                  หลังจากนั้นแนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุก 10 ปีค่ะ