ปัระจำเดือนมาตั้งแต่ 30 ธ.ค. ถึง 12 ม.ค. อันตรายไหม

สวัสดีค่ะ คุณ ppfigo,

                    ตุ่มที่อวัยวะเพศชาย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น 

                    1. เป็นอาการเริ่มแรกของโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเป็นติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นแผล ร่วมกับมีอาการเจ็บ ปวดและแสบมาก บางรายอาจมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลียร่วมด้วย

                    2. ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน เริ่มแรกจะเป็นตุ่มนูนๆ ต่อมาตุ่มจะกลายเป็นแผล และจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบยกนูนและแข็ง พื้นแผลมีสีแดงและดูสะอาด แผลจะไม่เจ็บไม่คัน 

                    3. แผลริมอ่อน หรือซิฟิลิสเทียม เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน อาการคืออาจเริ่มจากตุ่มแล้วกลายเป็นแผลลักษณะของแผลจะดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ และรู้สึกเจ็บ       

                    4. หูดหงอนไก่ gป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน จะเห็นเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มเนื้ออ่อนๆ สีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวมักขรุขระ อาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่มักไม่มีอาการเจ็บ 

                     5. หูดข้าวสุก ติดต่อจากการสัมผัสผิวหนังที่มีรอยโรคโดยตรง ลักษณะคือเป็นตุ่มนูนสีเหลืองหรือสีเนื้อ ผิวเรียบเป็นมันคล้ายไข่มุก ตรงกลางมีรอยบุ๋ม เมื่อกดหรือบีบให้แตก จะมีเนื้อเละ ๆ สีขาวคล้ายข้าวสุกไหลออกมา มักไม่มีอาการเจ็บหรือคัน 

                     6. การแพ้สัมผัสหรือระคายเคืองต่อสารเคมีต่างๆ โดยอาจเกิดเกิดเป็นผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มนูนแดงก็ได้  มักมีอาการคันร่วมด้วย        

                     แต่หากเป็นมานานแล้ว  อาจเป็นตุ่มไขมัน หรือ fordyce spot คือต่อมไขมัน ที่เกิดขึ้นโดยไม่พบร่วมกับกับต่อมขน ไม่จัดเป็นโรค ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ และไม่ใช่โรคติดต่อ ลักษณะคือ เป็นเม็ดหรือตุ่มนูนสีขาว หรือเหลืองอ่อน ไม่คันและไม่เจ็บ ไม่จำเป็นต้องรักษา

                     หากตุ่มไม่หายไป หรือต่อมาแตกออกเป็นแผล หรือเพิ่มจำนวนมากขึ้น แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเกิดจากสาเหตุใดค่ะ