ถามแพทย์

  • เป็นตุ่มแดงตรงช่วงเอวที่สัมผัสกับกางเกง ไม่คัน ไม่เจ็บ ทายาฆ่าเชื้อราแล้วแสบ แดง

  •  Anupong Kitsamai
    สมาชิก
    สวัสดีครับ ตรงช่วงเอวช่วงที่สัมผัสกับขอบกางเกงผมเป็นตุ่มอ่ะครับแดงไม่คันไม่เจ็บ ผมเอายาที่ใช้ทาพวกเชื้อราไปทาเลยมีอาการแสบๆผมเป็นตุ่มอะไรครับ ช่วงเช้าจะแดงพอเลยเที่ยงไปกับดำ และเมื่อทายาจะแดงครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Anupong Kitsamai,

                     การมีตุ่มแดงที่บริเวณเอว อาจเกิดจาก

                 1. เป็นเนื้องอกของชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชนิดต่างๆ เช่น เนื้องอกหลอดเลือด (ซึ่งจะมีสีแดงได้) เป็นต้น

                  2. เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อ (cellulitis) ใต้ผิวหนังและผิวหนัง ซึ่งจะทำให้ผิวหนังมีอาการบวมแดง ดูเป็นตุ่มนูนได้ แต่มักจะมีอาการเจ็บและปวดร่วมด้วย 

                  3. ผื่นแพ้จากสารก่อการระคายเคืองต่างๆ เช่น สบู่  ครีม แป้ง น้ำหอม เป็นต้น หรือผื่นแพ้สัมผัส เช่น แพ้โลหะจากเข็มขัด หรือสายรัดเอวต่างๆ เป็นต้น แต่มักมีอาการคันร่วมด้วย

                  4. ผื่นลมพิษ เกิดจากการแพ้สิ่งต่างๆ เช่น อาหารทะเล ถั่ว เต้าเจี้ยว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ละอองเกสร พืช ขนสัตว์ ไรฝุ่น เป็นต้น แต่มักจะเกิดผื่นทั่วตัวและมีอาการคันร่วมด้วย

                  5. ผื่นแพ้ยา แต่ก็ต้องมีประวัติของการใช้ยามาก่อนที่จะเกิดผื่นขึ้น 

                  6. การโดนแมลงสัตว์กัดต่อยและแพ้ต่อพิษของแมลง แต่ก็จะมีอาการคัน หรือแสบร้อนร่วมด้วย

                  7. เป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ 

                  ส่วนการติดเชื้อราที่ผิวหนัง เช่น โรคกลาก เชื้อราแคนดิดา หรือเชื้อราอื่นๆ เป็นต้น มักทำให้เกิดอาการคัน และผื่นมักเป็นวงกว้าง ลามขึ้นเรื่อยๆ

                  ในเบื้องต้น ควรหยุดการใช้ยาทาฆ่าเชื้อราไปก่อน เพราะหากไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อราที่ผิวหนัง การทายา อาจยิ่งไปทำให้ตุ่มเกิดการระคายเคืองได้ และให้หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งต่างๆ ที่อาจทำให้แพ้หรือระคายเคืองไปก่อน เช่น ไม่ทาโลชั่น ครีม หรือฉีดน้ำหอมที่บริเวณตัว ไม่ใส่เข็มขัด ไม่ใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไปจนเกิดการเสียดสีกับผิวหนัง เป็นต้น หากตุ่มไม่หายไป โตขึ้น หรือมีจำนวนมากขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ