ถามแพทย์

  • ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย เป็นมาเดือนนึงแล้ว และเจ็บอัณฑะ เป็นอาทิตย์ละครั้ง ไปหาหมอแล้วแต่ยังมีอาการอยู่ ควรทำอย่างไร

  •  igunxd
    สมาชิก
    อาการเริ่มเป็นได้ประมาณ 1 เดือนครับ แต่อาการร่วมคือเจ็บอัณฑะจะเป็นอาทิตย์ละครั้งแล้วรู้สึกปวดมาก 10/10 แต่ได้ไปพบหมอแล้ว ตรวจปัสสาวะไม่เจอเชื้อ อุลตร้าซาวแล้ว เจออัณฑะอักเสบตรงหัวนิดหน่อย ซึ่งตอนนี้อาการทั้งหมดยังอยู่ ไม่ทราบว่าควรทำอะไรต่อดีครับ เครียดมากๆ
    igunxd  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ igunxd

     

    อาการปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย แล้วเจ็บอัณฑะดังกล่าวมา อาจจะเกิดจาก การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ การบาดเจ็บในท่อปัสสาวะหลังเกิดอุบัติเหตุ การกระแทก หรือการใส่สายสวนปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ อาการและสาเหตุคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่มักมีไข้ หนาวสั่นร่วมด้วย แต่กลุ่มโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนี้เจอได้น้อยในเพศชาย หรืออาจเป็น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาจมีปัสสาวะเป็นเลือด ปวดท้องร้าวลงขาได้

     

    ถ้ามีภาวะอัณฑะอักเสบร่วมด้วย อาจมีอาการปวด บวม แดงตรงอัณฑะที่ภายนอกให้เห็น ในเพศชายก็มักสัมพันธ์กับกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

     

    เบื้องต้น ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ดื่มน้ำมากๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้ดี และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง กลับไปติดตามอาการตามนัด ถ้ารักษามาแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อการตรวจหาเพิ่มเติมเป็นระยะ หรือส่งพบแพทย์เฉพาะทางด้านระบบปัสสาวะต่อไป

    igunxd  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ igunxd

     

    อาการปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย แล้วเจ็บอัณฑะดังกล่าวมา อาจจะเกิดจาก การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ การบาดเจ็บในท่อปัสสาวะหลังเกิดอุบัติเหตุ การกระแทก หรือการใส่สายสวนปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ อาการและสาเหตุคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่มักมีไข้ หนาวสั่นร่วมด้วย แต่กลุ่มโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนี้เจอได้น้อยในเพศชาย หรืออาจเป็น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาจมีปัสสาวะเป็นเลือด ปวดท้องร้าวลงขาได้

     

    ถ้ามีภาวะอัณฑะอักเสบร่วมด้วย อาจมีอาการปวด บวม แดงตรงอัณฑะที่ภายนอกให้เห็น ในเพศชายก็มักสัมพันธ์กับกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

     

    เบื้องต้น ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ดื่มน้ำมากๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้ดี และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง กลับไปติดตามอาการตามนัด ถ้ารักษามาแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อการตรวจหาเพิ่มเติมเป็นระยะ หรือส่งพบแพทย์เฉพาะทางด้านระบบปัสสาวะต่อไป