ถามแพทย์

  • ตกขาวเป็นสีน้ำตาล มีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไร

  •  2112O
    สมาชิก

    หนูพึ่งเคยลองมีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งแรก แต่ไม่มีการแตกในนะคะ
    เพราะมีเลือดออกในครั้งที่ 1 และเป็นอีกครั้งที่2 เมื่อเลือดออกจึงหยุดการมีเพศสัมพันธ์ุ
    ไม่มีน้ำอสุจิของผู้ชายออกมาเลยซักครั้ง หลังจากนั้น ไม่มีเลือดออกแล้วค่ะ 
    ผ่านมาได้ประมาณเกือบเดือน ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มา (เดิมเป็นคนประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว) มีตกขาวเป็นสีน้ำตาล ไม่มีกลิ่นคาวอะไร แต่ว่ารู้สึกคันบริเวณอวัยวะเพศบ่อยๆค่ะ โดยเฉพาะหลังจากเวลาเข้าห้องจะคันเกือบทุกครั้งเลย พึ่งมีอาการคันมาได้2-3วัน แต่ตกขาวสีน้ำตาลเป็นมา1-2วันนี้เองค่ะ (ช่วงรอบใกล้จะมีประจำเดือน) แบบนี้ผิดปกติไหมคะ
    ช่วงนี้หนูมีอาการเครียดมากกว่าปกติ และซึมบ่อยๆ อยู่ๆก็จะมีเรื่องคิดแล้วนั่งร้องไห้แบบควบคุมไม่ได้ ต้องลุกเดินหาอะไรทำให้หายไป อาการนี้เกี่ยวกับความผิดปกติของประจำเดือนด้วยไหมคะ หรือ มีผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมีตกขาวผิดสีด้วยไหมคะ 
    ต้องทำยังไง

    ขอบคุณค่ะ

    2112O  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ 2112O

    การวินิจฉัยที่เป็นไปได้ในตกขาวที่ผิดปกติ คือไม่ใช่สีขาว ร่วมกับมีอาการระคายเคืองช่องคลอด

    -ช่องคลอดติดเชื้อแบคทีเรีย โพรโทซัว ซึ่งเชื้อเหล่านี้เป็นเชื้อที่ติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์

    -ช่องคลอดติดเชื้อรา เกิดจากความไม่สมดุลในช่องคลอดเอง เช่นการสวนล้างช่องคลอด

    -เป็นตกขาวที่ปนเลือด ที่มาจากสาเหตุผิดปกติเช่น ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นหนองในแท้ หนองในเทียม ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เช่นแท้ง มดลูกติดเชื้อ

    แนะนำว่าถ้ามีตกขาวผิดปกติ ร่วมกับประจำเดือนมาช้า ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม โดยแพทย์อาจตรวจปัสสาวะดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ถ้าใช่มีภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า หรือถ้าไม่ตั้งครรภ์ก็อาจจะนำสารคัดหลั่งจากช่องคลอดไปตรวจดูว่าเป็นการติดเชื้อใด จะได้ให้ยาฆ่าเชื้อได้ถูกค่ะ

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น งดการมีเพศสัมพันธ์ ทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาด 2 ครั้งต่อวัน ไม่สวนล้างช่องคลอด ยังไม่ควรซื้อยาปรับฮอร์โมนมากิน หรือซื้อยาใดๆมาเหน็บเอง เพราะยังไม่ทราบการวินิจฉัยค่ะ