ถามแพทย์

  • ทำออรัลเซ็กส์แล้วมีเพศสัมพันธ์ 1 วันต่อมามีคันช่องคลอด ตกขาวมีปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็นมาก อันตรายไหม

  • แฟนขอให้ทำออรัลเซ็กให้ค่ะก่อนจะมีเพศสัมพันธ์และเค้าก็ทำให้เราค่ะ แต่หลังจากมีเพศสัมพัน1วัน เริ่มมีอาการคันที่อวัยวะเพศบริเวณช่องคลอด มีตกขาวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียกและมีตกขาวสีเหลืองค่ะ วันต่อมาตกขาวมีสีเหลืองขุ่น และไหลปริมานมากขึ้นไหลเป็นน้ำเลยค่ะและคันมากกว่าเก่าคันมาก และมีกลิ่นเหม็นคาวมากๆๆเหมือนกลิ่นปลาเค็ม. อันตรายมากไหมค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ น้องแพร บ้านแหลม,

                         อาการคันในช่องคลอด ร่วมกับการมีตกขาวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก น่าจะเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอด อย่างไรก็ตาม โดยปกติการติดเชื้อราในช่องคลอด มักไม่ได้ทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาวแบบปลา ดังนั้น การที่หลังจากนั้น ตกขาวเปลี่ยนจากเป็นก้อนมาเป็นน้ำสีเหลืองขุ่น และมีกลิ่น น่าจะเกิดจากมีการอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) ตามมาค่ะ

                        สำหรับปัจจัยของการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ การตั้งครรภ์ การใส่กางเกงคับมากและอยู่ในที่อากาศร้อนชื้น เป็นคนอ้วน มีเหงื่อออกมาก การสวนล้างช่องคลอดมากไป เป็นโรคเบาหวาน ใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนาน ทานยากดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น การติดเชื้อราในช่องคลอด ไม่ได้ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่หากคู่นอนมีการติดเชื้อราอยู่ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดได้

                         ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อแบคทีเรีย  ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียชนิดดี (lactobacilli bacteria) ลดลงจากสาเหตุต่างๆ เช่น ช่องคลอดมีความเป็นด่างจากการโดนหลั่งน้ำอสุจิบ่อยๆ หรือจากการสวนล้างช่องคลอดบ่อยไป หรือใช้สบู่หรือน้ำยาที่มีความรุนแรง หรือเกิดจากการทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อบ่อยๆ การมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน หรือมีการเปลี่ยนคู่นอน แต่ไม่จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะฝ่ายชายจะไม่ได้ติดเชื้อชนิดนี้ไปด้วย

                        ดังนั้น ในเบื้องต้น ก็ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ดังกล่าว ได้แก่ งดการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาต่างๆ ควรล้างอวัยวะเพศภายนอกเด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอ การใส่กางเกงชั้นในและกางเกงที่พอดี ไม่คับแน่นจนเกินไป กางเกงและกางเกงในควรเป็นผ้าที่ระบายอากาศได้ดี การเช็ดอวัยวะเพศและก้นให้แห้งสนิทหลังจากถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ เป็นต้น

                        ทั้งนี้ การติดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย มีโอกาสหายเองได้ แต่หากอาการเป็นมาก หรือไม่หายไปเอง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อให้ โดยอาจพิจารณาจ่ายทั้งยาฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียร่วมกันค่ะ