ถามแพทย์

  • ตกขาวสีเขียวและมีกลิ่น ไปหาหมอได้ยาสอดและยาทาน อาการหายไป แล้วเป็นใหม่เมื่อมีเพศสัมพันธ์

  •  memooss
    สมาชิก

    ขอสอบถามหน่อยค่ะ เป็นตกขาวสีเขียวและมีกลิ่นค่ะ หลังจากมีเพศสัมพันธ์และหลั่งในทุกครั้งค่ะ เคยไปตรวจภายในมาแล้วค่ะ หมอบอกเป็นมดลูกอักเสบ หมอให้ยาทานและยาสอดค่ะ กินครบตามเวลาที่หมอบอกตกขาวก็ไม่มีหายเป็นปกติค่ะ แต่หลังจากรักษาระยะเวลาตามที่หมอบอกแล้วมีเพศสัมพันธ์หลั่งในค่ะ หลังจากนั้น2-3วันจะมีอาการคันบริเวณเนินค่ะ แล้วก็เป็นตกขาวสีเขียวมีกลิ่นเปื้อนกางเกงในทุกวันเลยค่ะ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ เกิดจากสาเหตุอะไรหรอคะ รบกวนด้วยนะคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ memooss,

                        อาการตกขาวสีเขียว มีกลิ่นเหม็น อาจเกิดจาก

                       - การอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) ซึ่งจะไม่มีอาการคันหรือแสบช่องคลอด ไม่มีปวดท้องน้อยร่วม โดยปัจจัยที่ทำให้เกิด ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียชนิดดี (lactobacilli bacteria) ลดลงจากสาเหตุต่างๆ เช่น ช่องคลอดมีความเป็นด่างจากการโดนหลั่งน้ำอสุจิบ่อยๆ หรือจากการสวนล้างช่องคลอดบ่อยไป หรือใช้สบู่หรือน้ำยาที่มีความรุนแรง หรือเกิดจากการทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อบ่อยๆ การมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน หรือมีการเปลี่ยนคู่นอน แต่ไม่จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะฝ่ายชายจะไม่ได้ติดเชื้อชนิดนี้ไปด้วย

                         สำหรับการรักษา ก็ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยในการเกิดดังกล่าว หากอาการเป็นมาก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณจ่ายยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ เช่น เมโทรนิดาโซล (metronidazole), คลินดามัยซิน (clindamycin) เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อทานยา อาการก็จะหายไปได้ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก เมื่อมีปัจจัยต่างๆ เกิดขึ้นค่ะ

                        - มีการติดเชื้อปรสิตในช่องคลอด ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะทำให้มีตกขาวเป็นสีเหลือง สีเขียวหรือสีเทา มีกลิ่นเหม็น รู้สึกคัน แดงและแสบภายในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ระคายเคืองขณะปัสสาวะ เป็นต้น

                        - มีมดลูกอักเสบ จะทำให้มีตกขาวสีเหลือง เขียวคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็น มีอาการปวดท้องน้อย เจ็บท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์

                         ทั้งนี้ หากเคยไปพบสูติ-นรีแพทย์ และได้ยาทานและยาสอดแล้ว อาการหายไป แล้วกลับมาเป็นอีกเมื่อมีเพศสัมพันธ์อีก ก็อาจเกิดจากการอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อแบคทีเรียหรือการติดเชื้อปรสิตได้ดังกล่าวไป ซึ่งหากฝ่ายชายมีเชื้อปรสิตอยู่ แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไร ก็สามารถแพร่มาให้ฝ่ายหญิงได้เรื่อยๆ ดังนั้น หากอาการกลับมาเป็นซ้ำอีก ก็ควรกลับไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจอีกครั้ง โอยอาจต้องตรวจภายใน เพื่อนำสารคัดหลั่งในช่องคลอดไปตรวจหาเชื้อ และควรพาฝ่ายชายไปตรวจด้วยค่ะ