-
ช่วยตอบหน่อยค้ะ
-
Jul 17, 2018 at 08:05 PM
เคยทานยาคุมมาตลอด แร้วฉีดยาคุมกำเนิด พอฉีดได้2เดือนกว่า เมื่อวันที่3มิถุนายน61มีเลือดออกเยอะมาก พอถึงวันที่11มีก้อนเลือดออกมา แร้วก้อปวดท้องหน่วงๆจนไข้ขึ้น จากวันนั้น13เลือดหมด ไข้ก้อไม่หาย จนเข้าวันที่28มิถุนายน61 กำหนดวันฉีดยาคุม แต่ไม่ได้ไปฉีด มีอะไรกับแฟนเกือบทุกวัน จนมาวันที่13ก.ค.61มีประจำเดือน เวลาปัสสวะ เลือดออกเยอะมากวันแรกที่รุ้มีประจำเดือน วันนี้17ก.ค.แร้วยังไม่หมด ไม่ได้ไปหาหมอเรย เป้นไรป่าวค้ะ ท้องได้ยังค้ะ ถ้ายังจะได้กินยาคุม หลังประจำเดือนหมดJul 25, 2018 at 05:32 AM
สวัสดีค่ะ คุณ Bambam,
อาการมีเลือดออกปริมาณมากในขณะที่ฉีดยาคุมกำเนิดอยู่นั้น เป็นผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เมื่อฉีดต่อเนื่องไปซักระยะ เลือดก็จะค่อยๆ ออกน้อยลงจนหายไป
แต่หากไม่ได้ไปฉีดยาคุมกำเนิดต่อ การทำงานของรังไข่และการตกไข่ก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 4-10 เดือน แต่บางรายอาจเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ดังนั้น หากหยุดฉีดยาคุมกำเนิดไปแล้ว และมีประจำเดือนมาในวันที่ 13-17 ก.ค. แล้ว แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หลังจากนี้ หากต้องการคุมกำเนิดต่อ เช่น ต้องการทานยาคุมกำเนิด ก็ให้รีบทานยาคุมกำเนิดตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. เพื่อให้ยาคุมสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที หากทานช้ากว่านี้ ยาคุมจะยังไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ทันที ต้องทานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 7 วันก่อน ซึ่งควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน และในช่วงเริ่มทานยาคุมแผงแรกนี้ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปด้วยก่อนค่ะ เพราะยาคุมยังอาจออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
-
ถามแพทย์
-
ช่วยตอบหน่อยค้ะ