ถามแพทย์

  • ฉีดยาคุมมา 2 ปีกว่า แล้วยังมีเลือดออกอยู่ ปวดท้อง เกิดจากอะไร

  •  Nitcha
    สมาชิก
    ดิฉันฉีดยาคุม แบบ 3เดือน มา2ปีกว่าแล้ว ฉีดตรงตามที่หมอนัดทุกครั้ง แต่ยังมีอาการ เลือดออก อยู่ โดยเป็นเลือดสด มีลิ่มเลือดเป็นก้อนนิ่มๆออกมาด้วย มีอาการปวดท้องน้อยร่วม แต่เข็มที่แล้วที่ฉีดไปไม่มีอาการใดเลย เลือดไม่ออก ปกติ .ซึ่งจะสลับๆอาการกันไปในแต่ละรอบ บางเข็มก็มีเลือดออกเยอะมีอาการปวดท้องน้อยมาก แต่บางเข็มก็ไม่มีอาการอะไรเลย .อยากทราบว่าแบบนี้เป็นเรื่องปกติไหมค่ะ อีกเรื่องนึงดิฉันเคยแท้งมารอบนึงด้วยนะคะ แท้งก่อนฉีดยาปีกว่าๆ ช่วงฉีดยาคุมแล้วมีอาการเลือดออกเยอะเคยไปพบหมอสูติฯมาครั้งนึง หมอบอกว่าโดยปกติฉีดมานานขนาดนี้น่าจะไม่มีเลือดออกได้แล้ว แต่แปลกที่ดิฉันยังมี เคยกินยาปรับให้เลือดหยุดแล้ว หยุดแค่ช่วงที่กินหลังจากนั้นก็แบบเดิม เลยอยากทราบว่าเป็นอันตรายไหมค่ะ? ควรหยุดฉีดยาหรือเปล่า?

    คุณ Nicha

    โดยทั่วไปของยาฉีดคุมกำเนิด คือ การมี ปจด กระปริดกระปรอย หรือ อาจไม่มีได้เลยในเดือนหลังๆ  ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้เสมอ ในคนที่ฉีดยาคุมแม้จะไม่บ่อยมากนัก  นอกจากนี้ ควรตรวจเพื่อหาสาเหตุอื่นๆก่อนจะคิดว่าเกิดจากยาฉีด  เช่น เนื้องอกในมดลูก (Myoma uteri)  โดยการทำ อัลตราซาวน์   โรคเลือดที่ไม่แข็งตัวง่าย โรคเบาหวาน ไทรอดย์ ต่ำ  เป็นต้น    

    คำแนะนำ ถ้าได้รับการดูแลจากแพทย์อยู่แล้วคงไม่อันตรายครับ ไม่งั้นแพทย์คงให้หยุดฉีดไปแล้ว    ถ้าไม่พบสาเหตุอื่นๆ ก็คงไม่จำเป็นต้องหยุดฉีด ถ้าเลือดที่ออกไม่มากจนทำให้มีอาการโลหิตจางครับ