ถามแพทย์

  • ผู้ชายอายุ 34 ปี มีเข่าบวมน้ำสลับซ้ายขวา แพทย์ได้เจาะน้ำออกรักษา แต่ไม่หาย ผู้หญิงอายุ 34 ปี เป็น PCOS ต้องการมีบุตร ทำอย่างไร

  •  Just4u
    สมาชิก

    สวัสดีครับคุณหมอ

    ขอรบกวนถาม 2 เรื่องนะครับ

    1. ผมมีอาการ หัวเขา ชอบ บวม ไปพบแพทย์ แพทย์ก็จำทำการ เจาะนำออก จากหัวเข่าทุกครั้ง 

    อายุผม 34 ปีครับ  เบื้องต้น คุณหมอ เอาน้ำในเข่าไปตรวจ แต่บอกว่าปกติ  บอกว่าอาจเป็นเก๊า แต่หมอไม่ตรวจ ก่อนหน้านี้มีไป ที่ รพ. อีกที่นึง คุณหมอแจ้งว่า เป็นเข่าเสื่อมทั้ง 2 ข้าง ครับ

    แบบนี้ มีวิธีรักษา  หรือ กินอาหารเสริม  เพื่อ ให้อาการมันดีขึ้นไหมครับ

    ถ้ามันเป็น มันจะเป็นสลับกัน เข่า ซ้าย ขวา   ครับ อาการเจ็บ จะเจ็บแบบ เดินหรือ ลงน้ำหนักไม่ได้ ครับ

     

    2. pcos  แฟนผมอายุ 34 เท่ากัน หมอ สแกนบอกว่า มีไข่หลายใบ ตอนไปหาหมอ หมอไม่ได้ให้ยาอะไรมาทานเลย แต่ มีแต่บอกว่าให้ไปซื้อ ยาคุม กินเพื่อปรับออโมน และลองมีเพศสัมพันธ์ ไปด้วย  แล้วตรวจดูว่า จะมีบุตรไหม  เพราะตอนไปผมไปปรึกษาว่าอยากมีบุตรครับ

    แต่มัน เหมือน ย้อนแย้งกัน ที่ว่า กินยาคุม แล้ว มีบุตร   แบบนี้มีวิธี แนะนำหรือ กินยา ปรับออโมนแนะนำไหมครับ

    ตอนนี้ที่กินเป็น ไดแอน 35 ครับ  

    และมีอาการ สิวขึ้นเยอะมาก ถ้าหยุดกินยาคุม ประจำเดือนก็ไม่มา ครับ

    ลองหยุดไป 1 เดือน ประจำเดือน หายไปเลยครับ ก่อนหน้านี้ หายไป 7 เดือนเลยไปหาหมอแล้วเลยรู้ว่า เป็น PCOS ครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Just4u,

                      สาเหตุของการมีน้ำในข้อเข่า อาจเกิดจาก

                      1. การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและการเล่นกีฬา เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ข้อเข่า อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือฉีกขาดของกระดูกอ่อนรองข้อเข่า หมอนรองกระดูก เอ็นไขว้หน้า เอ็นไขว้หลัง หรือเยื่อหุ้มข้อ ซึ่งก็จะทำให้เกิดอาการเข่าบวม มีน้ำในข้อเข่า ปวดเข่าได้ 

                     2. การอักเสบจากโรคบางชนิด เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเกาท์ โรคซูโดเกาท์ และ โรคพุ่มพวง เป็นต้น ทั้งนี้ ก็จะต้องมีอาการของแต่ละโรคที่ชัดเจนแตกต่างกันไปค่ะ 

                     3. จากข้อเข่าเสื่อม ซึ่งอาจเป็นผลมาจาก 2 ข้อ ที่กล่าวไปข้างต้น หรือเกิดจากอายุที่มากขึ้น การมีน้ำหนักตัวมาก การใช้งาน ท่าทาง กิจกรรมที่มีแรงกดต่อข้อเข่ามาก เช่น การนั่งคุกเข่า พับเพียบ ขัดสมาธิ ขึ้นลงบันไดบ่อยๆ เป็นต้น

                       สำหรับในโรคเก๊าท์นั้น ในระยะแรก จะเกิดาอาการปวดที่ข้อ ซึ่งมักจะเป็นเพียงข้อเดียว โดยข้อที่บ่อย คือ นิ้วหัวแม่เท้า และจะมีอาการบวม แดง ร้อนร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษา อาการอาจกำเริบทุก 1-2 ปี ส่วนข้อที่ปวดก็จะเพิ่มจากข้อเดียวเป็น 2-3 ข้อ เช่น ข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า นิ้วมือ นิ้วเท้า จนกระทั่งเป็นเกือบทุกข้อได้ ดังนั้น หากมีแค่อาการเข่าบวมน้ำ 2 ข้าง โดยที่ไม่มีอาการปวดบวมแดงของข้ออื่นๆ มาก่อน ก็ไม่น่าใช่โรคเก๊าท๊ค่ะ 

                       ดังนั้น หากไม่ได้มีอาการที่ผิดปกติที่ข้ออื่นๆ ของร่ายกาย และไม่ได้มีอาการผิดปกติอื่นๆ ทางร่างกาย ก็ไม่น่าเกิดจากการมีโรคทางร่างกาย แต่อาจเกิดจากการเคยมีอุบัติเหตุที่ข้อเข่า หรือเป็นเข่าเสื่อมได้ค่ะ

                       แนะนำควรสอบถามรายละเอียดกับแพทย์ที่ตรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะการดูแลย่อมแตกต่างกัน หรือหากยังไม่ได้พบกับแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ ก็ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุก่อนค่ะ ในเบื้องต้น ไมว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ควรชะลอความเสื่อมของข้อเข้า โดยแนะนำควรงดการเล่นกีฬาต่างๆ ไปก่อน หากมีน้ำหนักตัวมาก ก็ควรลดน้ำหนักตัวลง พยายามไม่เดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ ไม่นั่งขัดสมาธิ ไม่ยกของหนัก เป็นต้น ในช่วงที่มีอาการปวด ให้ใช้การประคบร้อนช่วย หากไม่ดีขึ้น จึงค่อยทานยาแก้ปวดค่ะ 

                     สำหรับโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือกลุ่มอาการมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ และมีผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน แอนโดรเจน และอินซูลินอยู่ในภาวะที่ไม่สมดุล ทำให้มีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ คือนานหลายเดือน ประจำเดือนจะมาสักครั้ง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมานานและอาจมามากหรือน้อยผิดปกติ นอกจากนี้ ก็จะมีสิวขึ้น ขนตามลำตัวดก ผมร่วง มีหนวด มีรูปร่างอ้วน น้ำหนักตัวมากกว่าปกติ มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน มีภาะมีบุตรยาก เป็นต้น

                      การรักษา ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติอะไรบ้าง หากมีประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ ก็ใช้วิธีการทานยาฮอร์โมน หากต้องการมีลูก และไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น ก็ใช้การทานยา metformin หรือ clomiphene เป็นต้น หากมีขนดกหรือผมร่วง แพทย์ ก็ใช้การทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม หรือยา spironolactone, flutamidine, finasteride เป็นต้น  แต่หากมีภาวะอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ก็ต้องลดน้ำหนัก และหากมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือมีเบาหวาน ก็ต้องรักษาเบาหวานด้วย

                         ดังนั้น หากต้องการมีบุตร ก็ต้องแจ้งสูติ-นรีแพทย์เพื่อใช้ยาที่ช่วยกระตุ้นให้ไข่ตกค่ะ การทานยาคุมกำเนิด จะเพียงแค่ช่วยให้ประจำเดือนมา แต่ไข่ก็จะไม่ตกค่ะ