ถามแพทย์

  • เวลากินแอลกอฮอล์ปริมาณมากจะปวดที่ต้นขา ประมาณ 2 วันจะหาย ทำไมถึงปวด

  •  Supapit
    สมาชิก
    คือหนูสังเกตตัวเองเวลากินแอลกอฮอล์ เหล้าเบียร์อะไรแบบนี้ค่ะในปริมาณที่ค่อนข้างมากจะปวดที่ต้นขา ปวดแบบเมื่อยๆค่ะเป็นประมาณสองวันหาย แต่ถ้าอยู่ถ้าไหนนานๆจะไม่ปวด พอขยับก็จะรู้สึกล้าทันทีค่ะ อยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นคะ แล้วแก้อาการนี้ยังไงคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ supapit,

                          อาการปวดขา หากเกิดขึ้นเฉพาะหลังการดื่มแอลกอฮอล์ ก็อาจเกิดจากการที่แอลกอฮอล์ ไปทำให้ร่างกายขาดน้ำ เกิดภาวะเป็นกรดในเลือด จึงเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ แต่ก็มักจะปวดทั่วๆ ตัว หรือแอลกอฮอล์อาจไปมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง กล้ามเนื้อจึงอ่อนแอลง เมื่อยืนหรือเดินเพียงไม่มาก ก็จะเกิดอาการปวดเมื่อยได้

                        สำหรับในบางราย การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว (rhabdomyolysis) ได้ ซึ่งอาการคือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลแดงหรือสีเหมือนน้ำโคล่า มีไข้ ปวดตามข้อ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว สับสน และอาจถึงขั้นชัก หมดสติได้

                       แต่หากอาการปวดขา ไม่ได้เกิดเฉพาะเวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา ออกกำลังกายมากไป การยืนนาน เดินมาก การมีไข้ติดเชื้อ เป็นต้น

                       ดังนั้น หากมีอาการปวดขาเฉพาะเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ก็ควรดื่มให้น้อยลง หรืองดการดื่มไปค่ะ เพราะแอลกอฮอล์ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อร่างกาย แต่ยังเป็นปัจจัยต่อการเกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ ตับอักเสบ ตับแข็ง หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง ความจำเสื่อม มะเร็งชนิดต่างๆ เป็นต้น