ถามแพทย์

  • กินยาคุมได้ 1 เดือน แล้วหยุดกินไป หลังจากนั้นมีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดมาตลอด ควรทำอย่างไร

  • สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีเรื่องอยากจะสอบถามค่ะ หนูได้เริ่มทานยาคุมแบบ24เม็ดยี่ห้อminidoz ไปได้1เดือน เป็นการทานยาคุมครั้งแรก หลังจากทานไปได้ไม่กี่วันมีมีอาการผื่นคัน แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับยาคุมหนูอาจจะแพ้ครีม แต่เพื่อความชัวร์หนูทานยาคุมจนหมด1แผงคือประจำเดือนหนูมาเม็ดแป้งเม็ดสุดท้ายพอดีหนูเลยหยุด หลังจากประจำเดือนหนูมาปกติ5วัน คือเริ่มจากวันแรกที่มาคือวันที่25 ส.ค 63 หยุด29 ส.ค. 63 แล้วอยู่มาวันที่8ก.ย.63 มีเลือดออกกระปริบกระปรอย มาจนถึงวันที่26 ก.ย.63หนูคิดว่าน่าจะเป็นประจำเดือนบวกเพิ่มด้วยเพราะมีเลือดออกเพิ่มมาขึ้น จนถึงวันนี้วันที่3 ต.ค. 63 ก็ยังมาอยู่บวกกับปวดท้อง ปวดหลัง อาการปกติช่วงประจำเดือนมาของหนูค่ะ หนูอยากทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรคะ ทำยังไงถึงให้หยุด หรือหนูต้องกลับไปกินยาคุมใหม่ เพื่อให้เลือดมาปกติ มันมานานเกินไปค่ะ หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวกับการใส่ผ้าอนามัยทุกวัน ไม่สะดวกในการทำกิจกรรมในแต่ละวัน
    พุดดิ้ง ไข่มุกกก  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ พุดดิ้ง ไข่มุกกก

    การใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือน 24 เม็ดนั้น เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก หากกินติดต่อกันทุกวันจนยาหมด โอกาสตั้งครรภ์ขณะที่ใช้ยาอยู่มีได้น้อยมาก น้อยกว่า 1%

    การมีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดหลังการหยุดใช้ยาคุมไปแล้วนั้น อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการหยุดยาคุม หรือเป็นเลือดจากความผิดปกติอื่นๆของร่างกายเองเช่น ฮอร์โมนรังไข่ไม่สมดุล การติดเชื้อหรือมีเนื้องอกของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานอักเสบ

    ซึ่งการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือนเป็นความผิดปกติค่ะ หากเลือดออกติดต่อกันเกิน 7 วันแล้ว ร่วมกับมีอาการปวดท้อง ปวดหลังมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมให้ได้การวินิจฉัยที่แน่ชัด อาจจะยังไม่ต้องกินยาคุมกลับเข้าไป กรณีร่างกายมีความผิดปกติใดๆ การใช้ยาคุมคือฮอร์โมนจากภายนอกเข้าไปควบคุม อาจจะช่วยลดอาการได้ แต่ควรหาสาเหตุที่แน่ชัดและแก้ไขตามสาเหตุนั้นๆร่วมไปด้วยจะดีกว่า