ถามแพทย์

  • ถ่ายไม่ออก กินน้ำลูกพรุนและดีท็อกก็ไม่ได้ผล กลัวจะเป็นลำไส้อุดตัน

  •  Fern Atitaya
    สมาชิก
    ขอคำปรึกษาและแนะนำหน่อยค่ะ คือประมาณว่าถ่ายไม่ออกเลย ถ้าไม่กินยา กินน้ำลูกพรุนและถ้ากินไปเรื่อยๆเหมือนมันดื้อยาพอกินไปสักพักก้ไม่ยอมถ่ายอีก คือพอเราไม่ถ่ายมันก้ไม่ได้แน่นท้องหรือเจ็บท้องอะไรก้เป้นเหมือนปกติคะ อยากรู้ว่าของที่กินไปมันไปอยู่ในไหน คือกินไปเยอะมากเหมือนกันตอนนี้สงสัยมากกลัวจะเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้อุตตัน คือพอเรากินยาละพอถ่ายเสร็จ อีกสักพักคือจะถ่ายไม่ออกแล้ว ตอนนั้นกินน้ำลูกพรุนไปแก้วหนึ่งแล้วก้ไม่ออก แบ่งจนมึนหัว จนหน้าแดง ก้ไม่ออก สงสัยกลัวจะเป็นโรคอะไรเพราะก้เป็นแบบนี้มาได้ประมาณ1ปีแล้ว กินสูตรดีท็อกอะไรต่างๆแล้วก้ไม่ได้ผลเลย เครียดมากเครียดมาตลอด ช่วยหน่อยค่ะ

     สวัสดีค่ะ คุณ Fern Atitaya,

                   หากถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับอุจจาระมีลักษณะแข็ง ต้องใช้แรงเบ่ง ถือว่ามีอาการท้องผูก ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                  1. การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จากการที่มีปริมาณอุจจาระน้อย เช่น เกิดจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ลำไส้ไม่บีบเคลื่อนตัว

                  2. จากปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลให้ลำไส้ลดการบีบตัวลง

                  3. การทานยาบางชนิด ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกได้ เช่น ยาดลดกรด ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากันชัก ยาเสริมแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เป็นต้น

                 4. การเสียสมดุลของฮอร์โมน เช่น ตั้งครรภ์ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เป็นต้น

                 5. มีการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เช่น มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ แต่มักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดปน ถ่ายเป็นเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดท้องเรื้อรัง เป็นต้น หรืออาจเกิดจากเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่จนกดเบียดลำไส้ตรงและทวารหนัก แต่ก็จะมีอาการผิดปกติของประจำเดือน หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ ปวดท้องน้อย 

                 การดูแลตนเอง ได้แก่ การดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เน้นทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จำพวกผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ หรืออาจทานไฟเบอร์สำเร็จรูปเสริม ลดการทานเนื้อสัตว์ การทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวอาจช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้นได้ เนื่องจากมีแบคทีเรียที่ไปช่วยการทำงานของลำไส้ใหญ่ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหว และควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ร่างกายเราก็จะค่อยๆ ปรับได้เองค่ะ

                หากไม่ถ่ายอุจจาระนานเกิน 3 วัน หรืออุจจาระแห้ง แข็ง เป็นก้อนเล็กๆ ควรหายาระบายช่วย ซึ่งมีหลายชนิด เช่น

                 - ยาระบายกลุ่มกระตุ้น จะช่วยกระตุ้นจังหวะการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น เช่น ยาดัลโคแลค (Dulcolax) ยาบิซาโคดิล (Bisacodyl) ยาเซนโนไซด์ (Sennosides)

                  - ยาระบายกลุ่มออสโมซิส (Osmotic Laxatives) จะออกฤทธิ์ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ใหญ่มากขึ้น ทำให้อุจจาระไม่แห้งและแข็งจนถ่ายออกลำบาก เช่น ยาแมกนิเซียม ไฮดรอกไซด์ (Magnesium Hydroxide)  ยาแลคตูโลส (Lactulose) 

                  นอกจากนี้ยังมียาที่ช่วยหล่อลื่นอุจจาระ  ยาที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว รวมถึงยาเหน็บ ซึ่งยาเหน็บช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มลงและเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ในการขับอุจจาระมากขึ้น แต่ในกรณีที่อุจจาระแข็งมาก อาจทำการสวนอุจจาระที่อุดตันออกก่อน ด้วยชุดสวนอุจจาระสำเร็จรูปซึ่งมีขายตามร้านขายยา จากนั้นจึงค่อยรักษาด้วยการทานยาต่อ

                 การใช้ยาดังกล่าวควรใช้เป็นครั้งคราวเมื่อเกิดท้องผูกมากเท่านั้น หลังจากที่ถ่ายอุจจาระไปแล้ว ควรปรับพฤติกรรมดังที่ได้กล่าวไปค่ะ หากได้ปรับพฤติกรรมแล้ว อาการท้องผูกยังคงมีนานเกิน 3 เดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาค่ะ