ถามแพทย์

  • อายุ 23 ปี นอนไม่หลับมา 1 เดือน เศร้า เครียด คิดมาก ไปหาหมอได้ยามาทาน แต่อาการหนักกว่าเดิม ควรหยุดกินยาไหม

  •  มิส นูกี้
    สมาชิก
    สวัสดีคือหนูอายุ23ปีปกติเป็นคนหลับง่ายมาก แค่หัวถึงหมอนก็หลับแล้วค่ะ แต่ตอนนี้นอนไม่หลับมา1เดือนเต็มแล้วค่ะ แรกที่เป็นนอนไม่หลับ2-3วันติดกันเช้ามาก็ไม่อยากทำอะไรเลย จนต้องหยุดงาน2วัน อาการแย่มากเศร้าเครียดหดหู่ไปหมด เครียดที่นอนไม่หลับ คิดมากคิดต่่างๆนาแต่ส่วนมากก็จะคิดเรื่องแฟนแบบเริ่มแรกเลยคือแฟนทำให้เราผิดหวังในบางเรื่องแต่มัน2-3ครั้งติดกัน จนครั้งล่าสุดทำให้เราเป็นแบบนี้ เป็นอยู่19วัน แล้วมันก็หายไปเองแบบนอนหลับดีขึ้นมีชีวิตชีวาขึ้นร่าเริงขึ้นดีขึ้นได้10วันก็กลับมาเป็นอีก แบบเรื่องนิดๆหน่อยๆเราก็เก็บมาคิดหมดที่เกี่ยวกับเรื่องแฟนค่ะ ครั้งนี้เลยไปหาหมอ หมอให้ยามากินมี haloperidol 0.5 mg, dipot clorazepate 5 mg, fluoxetine 20 mg พอกินแล้วรู้สึกอาการหนักกว่าเดิมอีกค่ะทั้งเศร้า หดหู่ ตื่นกลางดึกแล้วไม่หลับอีกเลยพยายามนอนก็ไม่หลับ ใจสั่นเต้นเร็ว มือสั่นด้วย อาการแย่กว่าเก่าอีกค่ะ กินไปได4วันแล้วค่ะ หนูควรหยุดกินยาใช่มั้ยคะ เพราะรู้สึกแบบไม่ใหวแล้วมันหนักกว่าตอนที่เป็นอีกค่ะ คุณหมอช่วยแนะนำทีนะคะ แล้วมันมีโอกาสหายเองได้แบบไม่กินยามั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ มิส นูกี้,

                     อาการนอนไม่หลับ เศร้า เครียด หดหู่ อาจเป็นอาการของ

                     1. โรคเครียด  ทำให้รู้สึกมีความทุกข์ ไม่ร่าเริงแจ่มใส ไม่มีความสุข อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ และทำให้มีอาการต่างๆ ทางร่างกายด้วย เช่น ใจสั่น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ มือเท้าเย็น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หายใจไม่สุด เจ็บหน้าอก นอนไม่หลับ ปวดหลัง ปวดเมื่อยตัว ปวดท้อง อ่อนเพลีย เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อมีโรคเครียด ก็อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมาได้

                     2. โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้

                              - อารมณ์เศร้าสร้อย หดหู่ ไม่แจ่มใส เบื่อหน่าย สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย รู้สึกไม่มีความสุข บางคนอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ร้อนขึ้น 

                              - ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า รู้สึกเป็นภาระกับคนอื่น คิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ หรืออาจถึงขั้นวางแผนการตายและทำร้ายตนเองได้

                             -  สมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆถูกๆ 

                             - อาการทางกาย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หรือนอนมากไป เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ท้องอืด ท้องผูก เป็นต้น

                             - การเรียนหรือการงานแย่ลง 

                        ทั้งนี้ หากได้ไปพบแพทย์ และได้ยามาทานแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการเศร้า และนอนไม่หลับ ก็ควรกลับไปพบแพทย์ โดยควรไปพบจิตแพทย์ เพื่อประเมินอาการ และปรับยาให้เหมาะสม รวมถึงใช้วิธีการรักษาอื่นๆ ร่วม เช่น การรักษาทางจิตบำบัด และพฤติกรรมบำบัดค่ะ ทั้งนี้ หากรู้สึกใจสั่นมาก อาจหยุดยาไปก่อนชั่วคราวได้ค่ะ