ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยางอนามัยและกินยาคุมฉุกเฉิน ตรวจการตั้งครรภ์ให้ผลลบ แต่ประจำเดือนไม่มา จะท้องไหม

  •  BFppf
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูมีอะไรกับแฟนในวันที่ 8 มี.ค. โดยที่แฟนได้ใส่ถุงยางอนามัย แต่ตอนที่ถอดถุงยางออกเหมือนมีน้ำอสุจิเลอะตรงบริเวณรอบนอกอวัยวะของหนู หนูจึงได้มีการซื้อยาคุมฉุกเฉินทานหลังจากนั้น1 ช.ม. โดยทานสองเม็ดพร้อมกัน และหลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน ได้มีเลือดออกสีน้ำตาลแต่ไม่มากเป็นแบบนี้ 2 วัน ต่อมาประมาณวันที่27-29 มี.ค. หนูได้มีอะไรกับแฟนอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ใส่ถุงยาง แต่ไม่ถึง1นาทีก็เอาออก และแฟนหนูก็ยังไม่เสร็จ แต่หนูกังวลมากว่าจะท้อง หลังจากนั้น 1 สัปดาห์จึงได้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ โดยได้ตรวจแบบเว้น 2 วันตรวจครั้งเป็นจำนวนทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ผลคือไม่พบการตั้งครรภ์ทั้ง 3 ครั้ง และจนตอนนี้ประจำเดือนหนูก็ยังไม่มาค่ะ หนูเครียดมาก ๆ ประจำมาครั้งสุดท้ายคือ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. ค่ะ โดยปกติประจำเดือนหนูจะมาไม่ตรงกันบางครั้งก็มาช้า 5วัน บางทีก็มาเร็วกว่าครั้งเดิม 1 สัปดาห์ บางครั้งก็มาแบบต้นเดือนและสิ้นเดือนค่ะ และตอนนี้มีตกขาวร่วมด้วยแต่ไม่มีกลิ่น ซึ่งตอนนี้เครียดมาก ๆ ค่ะ หนูมีโอกาสตั้งครรภ์สูงมากไหมคะ
    BFppf  พญ.นรมน
    แพทย์

      สวัสดีค่ะคุณ BFppf

    หากมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยใส่ถุงยางและมีการกินยาคุมฉุกเฉินตามไปด้วยนั้น โอกาสตั้งครรภ์มีได้น้อยมาก ปกติแล้วถ้าใส่ถุงยางอนามัยตลอดการมีเพศสัมพันธ์ โอกาสตั้งครรภ์ก็มีได้น้อยกว่า 1-2% โดยไม่ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินอีก

    แต่หากมีช่วงที่ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย แม้ไม่ลึก ไม่นาน ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้แม้จะน้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในตามธรรมดา กรณีนี้จึงอาจมีข้อบ่งชี้การใช้ยาคุมฉุกเฉินร่วมไปด้วยเพื่อช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ลงไปอีกประมาณ 80-90%

    โดยยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อนไปได้ แต่ไม่ควรเกินไปจาก 7 วันที่ควรจะเป็นหรือไม่เกิน 35 วันจากรอบก่อน หากเกินกว่านี้แล้วถือว่าผิดปกติ ควรจะต้องยืนยันการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์ทางปัสสาวะที่ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังปฏิสนธิ หากให้ผลลบแต่ประจำเดือนก็ไม่มา ให้ไปยืนยันที่รพอีกครั้ง