มีเหงื่อออกมากกว่าคนทั่วไป เปียกทั่วตัว เป็นมานานแล้ว จะเป็นอะไรไหม

สวัสดีค่ะ คุณ น้ำ,

                การมีเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis) แบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ดังนี้

              1. อาการเหงื่อออกมากชนิดปฐมภูมิ หรือเหงื่อออกมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ มักมีเหงื่อออกเฉพาะจุด ไม่เป็นทั่วตัว เช่น ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศีรษะ ใบหน้า หรือรักแร้ โดยจะเกิดด้านซ้ายและด้านขวาเท่า ๆ กัน อาจเกิดอาการขึ้นเป็นพักๆ เช่น สัปดาห์ละครั้ง และจะมีเหงื่อออกในช่วงกลางวัน แต่จะไม่มีเหงื่อออกขณะนอนหลับ สาเหตุเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดเหตุดังกล่าว แต่พบมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม และการเกิดอารมณ์วิตกกังวลและความเครียด

               2. อาการเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ หรือเหงื่อออกมากผิดปกติโดยมีสาเหตุที่ชัดเจน มักจะทำให้เกิดเหงื่อออกทั่วร่างกาย และออกช่วงเวลาใดก็ได้ ทั้งเวลากลางวัน กลางคืน และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยตามสาเหตุที่ทำให้เกิด ได้แก่

                - โรคอ้วน เนื่องจากมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังหนา  ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ดี จึงระบายออกทางเหงื่อมากขึ้น

                -  มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น

                -  มีภาวะหัวใจวาย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายมากกว่าปกติ ความร้อนในร่างกายจึงสูงขึ้น ต้องเพิ่มการระบายความร้อนทางเหงื่อเพิ่มขึ้น

                -  มีน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือเป็นโรคเบาหวาน 

                -  โรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรค มาลาเรีย แต่จะมีอาการไข้ร่วมด้วยเป็นสำคัญ

                 - ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ

                 - ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาอาการทางจิตเวช ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน เป็นต้น

                 - โรคมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

                หากเป็นผู้หญิง ก็จะพบในวัยหมดประจำเดือนได้

                ดังนั้น หากอาการเหงื่อออก เป็นแบบทั่วตัวและออกตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่างๆ ที่กล่าวไปค่ะ ในเบื้องต้น ควรดูแลปฏิบัติตัว ได้แก่ การอาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาด แล้วเช็ดตัวให้แห้งโดยเฉพาะบริเวณรักแร้และซอกต่างๆ เพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี และใช้ผ้าซับเหงื่อบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม หลีกเลี่ยงการตากแดด หรือกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อออกมาก เป็นต้น