ถามแพทย์

  • เป็นตุ่มนูนที่หัวหน่าว ขนาด 1.5 เซนติเมตร ไม่เจ็บ เป็นมา 3 วัน มีเลือดซึมออก ใช่ฝีไหม

  •  nrcvl
    สมาชิก
    เป็นตุ่มนูนที่หัวหน่าวค่ะ ขนาดประมาณ1.5ซม. ไม่เจ็บไม่่มีหัวค่ะ เป็นได้สามวันก็ไปซื้อยาฆ่าเชื้อมากินได้สองวันเมื่อวานมีเลือกซึมๆออกมาค่ะแต่ตุ่มยุบไปบ้างแล้ว วันนนี้ยังมีเลือดซึมๆค่ะ ทาเบตาดีนไป อยากสอบถามว่าใช่ฝีมั้ยคะ? แล้วถ้าจะไปหาหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยที่คลินิกต้องไปหาหมออะไรคะ? คือจะไปหาหมอแต่ไปไม่ถูกว่าต้องหาหมอประเภทไหนค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ nrcvl,

                          ตุ่มนูนที่บริเวณหัวหน่าว อาจเป็น

                       1. รูขุมขนอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา หรืออาจไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน อาการคือจะเห็นเป็นตุ่มแดงๆ หรืออาจเป็นหัวหนองก็ได้ มักมีอาการเจ็บๆแสบๆ หรือคันร่วมด้วย สาเหตุอาจมาจากถอนหรือโกนขน หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือมีเนื้อผ้าหยาบเกินไป ทำให้เสียดสีผิวหนังและเกิดการระคายเคืองต่อรูขุมขน 

                        2. การอักเสบของผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (cellulitis) โดยจะมีอาการบวมแดง เจ็บและปวด สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากผิวหนังที่มีรอยแผล เช่น แผลถลอกเล็กๆ ที่อาจเกิดจากการเกา เมื่อผิวหนังเกิดรอยแผล เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ผิวหนังชั้นและเนื้อเยื่อทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้ ซึ่งการอักเสบ อาจลุกลาม และกลายเป็นฝีได้ โดยจะเห็นหัวฝีเป็นสีขาว หากมีรูเปิด ก็จะเห็นหนองไหลออกมาได้

                        3. แผลเป็นชนิดนูน (hypertrophic scar) โดยจะเกิดจากเคยเป็นแผลมาก่อน เช่น การถูกแมลงต่างๆ กัด โดนของแหลมทิ่ม หรือแผลที่เกิดจากการเกา การเคยมีรูขุมขนอักเสบ เป็นต้น  มักไม่ทำให้เกิดอาการอะไร อาจมีคันๆ เล็กน้อยได้ 

                        4. ก้อนเนื้องอกของผิวหนังและชั้นใต้ผิวหนัง เช่น ก้อนเนื้องอกหลอดเลือด ก้อนซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง เป็นต้น

                        ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนอะไร หากมีการไปแกะ เกา หรือทำให้ผิวหนังเกิดรอยแยก ก็จะทำให้มีเลือดซึมออกได้ค่ะ และหากในตรอยยี้ ไม่มีอาการเจ็บหรือปวดที่ตุ่ม ก็ไม่น่าเป็นฝีค่ะ

                       ในเบื้องต้น ก็ไม่ควรไปบีบ แกะ เกาตุ่มดังกล่าว ไม่โกนหรือถอนขน งดการใช้สารต่างๆ ที่จะนำมาทาที่บริเวณผิวหนังใกล้อวัยวะเพศ เช่น แป้ง โลชั่น น้ำหอม เป็นต้น และควรรักษาความสะอาด อาจใช้สบู่สำหรับฆ่าเชื้อฟอก แล้วล้างให้สะอาด ไม่ใส่กางเกงชั้นในและกางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป เป็นต้น หากตุ่มไม่หายไป หรือใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนเพิ่มขึ้น หรือมีอาการเจ็บ ปวด ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ