มีเพศสัมพันธ์ อีกฝ่ายตรวจไม่พบเชื้อ HIV แล้วมีเม็ดใสๆ ขึ้นที่ริมฝีปาก ยุบแล้วเป็นใหม่ ติด HIV ไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Notavailable,

                     หากอีกฝ่าย ตรวจไม่พบการติดเชื้อ HIV ดังนั้น ก็ไม่น่าติดเชื้อ HIV มาค่ะ ยกเว้นในกรณีที่อีกฝ่ายเพิ่งไปมีความเสี่ยงมา แล้วได้ตรวจหาการติดเชื้อเร็วเกินไป คือเร็วกว่า 4 สัปดาห์ ก็ยังอาจตรวจไม่พบเชื้อได้ค่ะ

                      สำหรับเม็ดใสๆ ที่ขึ้นที่ริมฝีปากเป็นๆ หายๆ ไม่น่าใช่อาการของการติดเชื้อ HIV ในระยะแรกค่ะ โดยอาการของการติดเชื้อในระยะแรกนั้น มักไม่ค่อยมีอาการ หรือมีอาการน้อย เช่น ไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต อุจจาระเหลว โดยจะเกิดภายใน 2-4 สัปดาห์หลังรับเชื้อ อาการจะเป็นอยู่ไม่นานแล้วหายไปได้เอง หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะติดเชื้อเรื้อรังที่จะไม่มีอาการใดๆ

                      ดังนั้น อาการมีเม็ดใสๆ ขึ้นในริมฝีปาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น

                    -  เริมที่ปาก อาการคือ จะมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่ริมฝีปาก ร่วมกับมีอาการเจ็บปวดหรือแสบร่วมด้วย ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผล และจะตกสะเก็ดแห้งหายไปได้เอง ทั้งนี้ ในการเป็นครั้งแรกจะเกิดจากการติดต่อมาจากผู้อื่น เช่น การจูบปาก การดื่มน้ำหรือทานอาหารร่วมกัน หรือจากการทำออรัลเซ็กส์ก็ได้ เมื่อเป็นและหายแล้ว เชื้้อจะยังคงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต และจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีปัจจัยมากระตุ้น

                    - การแพ้สัมผัส เช่น แพ้ลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วยปาก หรือแพ้อาหารที่ทานเข้าไป เป็นต้น มักมีอาการคันร่วมด้วย

                    - การโดนแมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งอาจเกิดจากพิษของแมลงหรือการแพ้ จะทำให้เกิดริมฝีปากบวมแดงบริเวณที่โดนกัด และอาจมีตุ่มน้ำขึ้นได้ มักมีอาการคันหรือเจ็บแสบก็ร่วม แต่ไม่น่าเกิดขึ้นซ้ำๆ อีก

                     หากมีอาการเกิดขึ้นอีก แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูในช่วงที่มีเม็ดเกิดขึ้น ในช่วงนี้ ก็ควรหลีกการใช้สิ่งของที่อาจแพ้ได้ต่างๆ ไปก่อน งดการใช้ลิปมันและลิปสติก ไม่ใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่รุนแรง เป็นต้น

                     ส่วนเรื่องการติดเชื้อ HIV หากต้องการให้แน่นอน ก็ควรไปตรวจเลือดหาการติดเชื้อ หลังจากที่ไปมีความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์ค่ะ