เเฟนเป็นวัณโรค จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน แต่ได้แยกห้องนอน การทานอาหาร เมื่อไหร่จึงจะใช้ของร่วมกันได้

สวัสดีค่ะ คุณ Teeraphat Phatkham,

                การติดวัณโรค จะติดจากการหายใจเอาอากาศที่มีละอองเสมหะที่มีเชื้อเข้าไป ซึ่งเกิดได้จากการหายใจ การไอ การจาม การพูดคุยหรือร้องเพลง หรือการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยวัณโรคอย่างใกล้ชิดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เช่น อยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นต้น 

              ทั้งนี้ หากมีบุคคลในบ้าน เพิ่งตรวจพบว่าเป็นวัณโรคปอด โอกาสในการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นย่อมมีได้มาก โดยเฉพาะช่วงในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการรักษา หลังจากนั้น เมื่อผู้ป่วยทานยาครบ 2 เดือน และแพทย์ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว จึงจะถือว่าอยู่ในระยะไม่แพร่เชื้อค่ะ

              ดังนั้น ในช่วง 2 เดือนแรกที่เริ่มทานยารักษา ซึ่งถือเป็นระยะที่ยังสามารถแพร่เชื้อได้อยู่ จึงควรแยกห้องนอนกัน ห้องที่นอนควรเป็นห้องที่มีแสงแดดส่องถึง และไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ ควรเปิดพัดลมแทน หมั่นซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มบ่อยๆ เช่น สัปดาห์ละครั้ง และควรนำหมอน ที่นอนตากแดดประจำ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จานชามช้อนส้อม ควรแยกเป็นส่วนตัวเฉพาะของผู้ป่วยเท่านั้น 

             สำหรับห้องอื่นๆ ภายในบ้าน ที่ผู้ป่วยอาจต้องใช้ร่วม เช่น ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ เปิดหน้าต่างให้แดดส่องถึงหากเป็นไปได้ เนื่องจากแสงแดด สามารถฆ่าเชื้อวัณโรคได้

            ส่วนตัวผู้ป่วยเอง ก็ต้องทานยาทุกวัน และควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น รวมถึงควรเปลี่ยนหน้ากากบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 1-2 ชิ้น ทิ้งหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี หมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ขากเสมหะลงพื้น นอกจากนี้ ก็ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง หากจากโรคได้เร็วค่ะ

              ส่วนตัวคุณ Teeraphat หากอยู่ในบ้านกับแฟน ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย ก็จะมีโอกาสที่จะรับเชื้อวัณโรคมาก่อนหน้านั้นได้ แต่หากมีสุขภาพที่แข็งแรง โอกาสที่จะกลายเป็นวัณโรคปอดและแสดงอาการออกมาถือว่ามีเพียงประมาณ 10% และอาการของโรคก็ไม่ได้เกิดภายในทันที อาจใช้เวลานานถึง 10 ปีจึงจะแสดงอาการก็ได้ ดังนั้น หากต่อมามีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หอบเหนื่อย มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น ก็ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ