ถามแพทย์

  • สอบถามเกี่ยวกับวัณโรคต่อมน้ำเหลือง

  •  oking
    สมาชิก
    สวัสดีครับสอบถามหน่อยครับ ผมได้มีอาการไข้เรื้อรังมานาน2-3เดือนได้นอนรพ. เอกเรย์เจอต่อมโตที่ขั้วปอดและคอ ได้ส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อที่ขั้วปอดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรคต่อมน้ำเหลือง เริ่มทานยาวัณโรคisoniazid,ethambutal,rifam,pyrazinamideได้ไม่ถึงเดือนมีก้อนต่อมน้ำเหลืองโตที่ไหปลาร้าข้างขวา ขนาดใหญ่4-5เซนมีอาการไข้สูงร่วมด้วยทุกวัน จึงโดนผ่าตัดชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจปรากฏว่าก้อนแตกมีหนองไหลมาเยอะมาก แต่คุณหมอไม่เย็บแผล จากนั้นกลับบ้านทำแผลทุกวันเพราะมีหนองไหลออกมาทุกวัน จนตอนนี้จะ2เดือนแล้วแผลเริ่มสมานขึ้นเองแต่ยังมีหนองออกมาอยู่ และทุกวันจะมีไข้สูง38•เกือบทุกวัน ท้อมาก สักพักมีก้อนต่อมน้ำเหลืองโตที่คอตรงไหปลาร้าอีกข้างซ้าย2-3เซน ขึ้นมาอีก อยากทราบว่าผมกินยาวัณโรคมาแล้วทุกวันไม่เคยขาด ทำไมถึงยังมีไข้สูง37-38ช่วงบ่ายๆเกือบทุกวันเป็นเพราะอะไรครับท้อมากแถมมีก้อนใหม่น้ำเหลืองมาโตอีกข้างอีก ตรงขั้วปอดก็ยังมีอยู่เพิ่งโดนส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจอีกรอบ นอกจากกินยาtbก่อนนอนทุกวันนี้เช้า-เย็นหลังอาหารก็ทานยาprednisoloneครั้งละ2เม็ด ปล.cd4ผมต่ำ70และเพิ่งได้รับยาต้านไวรัสหลังจากตรวจพบtb

     สวัสดีค่ะคุณ oking เรื่องไข้เรื้อรังตอนนี้จริงๆ ในกรณีของคุณมีปัญหาเรื่องติดเชื้อเรื้อรังอยู่แล้วค่ะปกติการติดเชื้อวัณโรคอาจจะทำให้มีอาการไข้สูงได้ แต่มักจะเป็นในเวลากลางคืนค่ะ ตอนนี้คุณแจ้งมาว่าเพิ่งตรวจพบเรื่องการติดเชื้อ เอส ไอ วี และปริมาณซีดีโฟร์ต่ำพอสมควรค่ะ เพราะถ้าน้อยกว่า สองร้อยโอกาสที่จะเกิดเรื่องการติดเชื้อฉวยโอกาสก็จะสูงขึ้นนะค่ะ อย่างในกรณีของคุณแค่เจ็ดสิบซึ่งถือว่าต่ำค่ะ การติดเชื้อมีได้หลายกลุ่มค่ะ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และ วัณโรคค่ะ วัณโรคต่อมน้ำเหลืองต้องรักษานานค่ะ ประมาณ เก้าถึง สิบสองเดือนค่ะ ซึ่งยาจะกินเยอะและมีภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างมากค่ะ ยิ่งถ้ารับประทานร่วมกับยาต้านไวรัสต้องได้รับการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอค่ะ การรักษาแผลที่เป็นหนองและติดเชื้อวัณโรคแผลจะหายช้ามากค่ะ และยังอาจมีหนองออกมาได้ค่ะ ซึ่งต้องทำแผลไปจนกว่าหนองจะหมดค่ะ แต่ถ้ายังมีหนองอาจจะต้องหาว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นร่วมด้วยหรือไม่ซึ่งทำให้แผลปิดช้าและยังมีการสร้างหนองออกมาได้ตลอดค่ะ ส่วนก้อนที่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ หมอแนะนำว่าควรปรึกษาอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรคติดเชื้อ เพราะว่าอาจจะมีการติดเชื้อไปที่ต่อมน้ำเหลืองอื่นๆ หรือ อาจจะมีปัญหาอย่างอื่น ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของระบบเลือดก็ยังเป็นได้ค่ะ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางค่ะ เพราะโอกาสในการเป็นเรื่องของต่อมน้ำเหลืองที่เป็นมะเร็งก็ยังมีได้ค่ะ หรือว่าอาจจะมีติดเชื้อวัณโรคในช่องท้องซึ่งทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ไหปลาร้าโตและติดเชื้อได้ค่ะ แนะนำรับประทายยาลดไข้ และพยายามทำแผลทุกวันและปรึกษาแพทย์ค่ะ 

     

    oking  oking
    สมาชิก
    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับคุณหมอ,แต่มีคำถามอีกครับ >ผมเริ่มทานยาtbครั้งแรก23กันยา60 >คุณหมอเปลี่ยนมาให้ยารวมเม็ด +กลางวันทานbactrimหลังอาหาร(เริ่มbactrimกันยา)> ต้นเดือนตุลาเกิดแพ้ยารุนแรง มีผื่นแดงทั้งตัว มีไข้สูง39-40 ทานไม่ได้ ลุกเดินไม่ไหว เวียนหัว บ้านหมุน คันตามร่างกาย คุณหมอไม่ทราบว่าแพ้ยาtb,หรือbactrim จึงสั่งหยุดยา ทั้งสองนอนรพ.3วันอาการดีขึ้นกลับบ้านปรกติช่วงนั้นไข้หาย( 24ตุลาเริ่มทานยาต้านไวรัสครั้งแรก) ,>จนต้นเดือนพฤศจิมีไข้สูง39-40•เกือบทุกวัน คุณหมอให้แอดมิทรพ.และเริ่มชาแลนซ์ยาTBทานอาทิตย์ละตัว สรุปได้นอนรพ.ห้องรวม1เดือนและหลังผ่าก้อนที่คอได้นอนที่ห้องปลอดเชื้อทำแผลอีก20วัน สรุปผลชิ้นเนื้อเป็นเชื้อtb,และแพ้ยาbactrim เริ่มทานrifampicin 15/ธันวา. วันที่20ธันวากลับบ้าน ช่วงแรกๆไม่มีไข้ หลังจาก25ธันวามีไข้เกือบๆทุกวัน อยากทราบว่าก้อนที่คอที่โตอีกข้างมันจะยุบไปได้เองไหมครับ เพราะไม่อยากผ่าตัดเพราะแผลหายช้า การทานยาต้านกับtbไม่ขาด อาการจะดีขึ้นไหมครับ ทั้งๆที่คุณหมอบอกผลเอกเรย์ปรกติ ค่าเลือดตรวจเกือบทุก1-2อาทิตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้เริ่มท้อเพราะหยุดงานมานานและมีภาระอยู่ อยากให้อาการไข้ที่เป็นทุเลาลงบ้างและทำยังไงถึงจะดีขึ้น

    อาการไข้คงต้องอาศัยการรับประทานยาลดไข้ร่วมด้วยค่ะ แต่คงต้องแนะนำเรื่องการผ่าตัดอีกครั้งค่ะ เพราะว่าถ้าไม่ได้กำจัดแหล่งของเชื้อออกไปร่างกายก็ยังจะมีการตอบสนองด้วยเรื่องไข้ตลอดเวลาค่ะ ลองรับประทานยาไปก่อนค่ะ เพราะเท่าที่ฟังเหมือนคุณเพิ่งจะได้รับยารักษาวัณโรคครบสี่ตัวมาได้ไม่นานนะค่ะ อาจจะต้องใช้เวลาค่ะ ปกติ ช่วงสองเดือนแรกน่าจะเห็นความแตกต่างแล้วนะค่ะ แต่ถ้ายังไม่เห็นความแตกต่างมีไข้ มีก้อนเพิ่มขึ้นคงต้องดูว่าติดเชื้อลามไปหรือเปล่าค่ะ แนะนำให้ติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอและแนะนำให้ใส่หน้ากากป้องกันตลอดเวลานะค่ะ