-
เคยมีความเสี่ยง ไปหาหมอตรวจแต่ไม่พบ ให้ยามากิน ตรวจอีก รอผล nat อีกสามวัน ผลการตรวจหลังกินยาเชื่อถือได้ไหมครับ
-
Mar 28, 2018 at 10:15 PM
สวัสดีครับคุณหมอ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามครับ ถ้าผมไปมีความเสี่ยง(ไปเที่ยวสาวขายบริการใส่ถุงยางป้องกันครับ) หลังจากกลับมาวันแรกมีอาการเหงื่อออกตอนนอน ผมกังวลจริงไปพบแพทย์ ได้รับการตรวจ hiv กับ ไวรัสตับอักเสบ ผลปกติ แพทย์ได้จ่ายยา pep มาให้กินเป็นเวลา 28 วัน (มียา teno-em กับ edurant) ผมรับยาที่ประมาณ 48-49 ชั่วโมง หลังจากผมทานยาครบ 28 วัน ผมได้ไปตรวจวันรุ่งขึ้นที่คลีนิคนิรนาม ตรวจ anti-hiv ผลเป็นลบ กำลังรอผล nat อีก 3 วันครับ ผมเลยอยากสอบถามว่าผลตรวจ anti hiv ที่ 28 วันเชื่อถือได้มั้ย เพราะในเว็บสภากาชาดบอกว่ายืนยันผลได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่ายา pep จะส่งผลให้ตรวจไม่เจอหรือไม่ครับและในกรณีเดียวกันยา pep จะส่งผลให้การตรวจ nat ไม่เจอหรือไม่ครับ แล้วผมควรกลับไปตรวจยืนยันผลอีกภายในกี่วันครับ ขอบคุณครับApr 04, 2018 at 04:20 PM
สวัสดีคะคุณ lucky
โรคทางเพศสัมพันธ์ หรือ การติดเชื้อ Sexual transmitted diseases (STD) ซึ่งการติดเชื้อ เอช ไอ วี ก็จัดอยู่ในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ เราจะมาเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณกังวลก่อนนะค่ะ คือ เรื่องการเชื้อ เอช ไอ วี เชื้อ เอช ไอ วี คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคที่เรียกว่าเอดส์ เชื้อนี้รักษาไม่หาย แต่มียาที่ใช้รักษาได้ค่ะ แต่จะไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดได้ค่ะ เพราะเชื้อจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เรียกว่า ซีดี 4 (CD4 T cell) ทำให้ร่างกายไม่สามารถที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอื่นๆ ได้ แต่ปัจจุบันนี้มียาต้านไวรัสที่ดีค่ะ สามารถทำให้ระดับของ ซีดี 4 ไม่ลดต่ำลงได้ และทำให้จำนวนไวรัสลดลงได้ค่ะ
ส่วนสิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องทราบก่อนว่า คุณควรที่จะได้พบแพทย์เมื่อไหร่เพื่อตรวจว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่
ก่อนอื่นเราต้องทำการตรวจระยะแรกก่อน ซึ่งเป็นการตรวจ ที่เรียกว่าการตรวจควบคู่ ระหว่าง HIV antibody และ HIV antigen คือการตรวจหาภูมิคุ้มกันและตัวเชื้อควบคู่กัน การตรวจนี้ในคนส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากสัมผัสเชื้อ
แต่ถ้าตรวจเฉพาะ HIV antibody testing ตรวจได้ทั้งจากเลือดและจากน้ำลาย ส่วนใหญ่จะตรวจพบ หลังการสัมผัสเชื้อ ภายในระยะเวลา 3-12 สัปดาห์
หรืออาจจะตรวจ p24 antigen ซึ่งตรวจน้อย และการแปลผลอาจถูกรบกวนได้ด้วยตัวแปรอื่น
ถ้าการตรวจข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลบวก จะต้องมีการตรวจครั้งที่สอง เพื่อยืนยัน โดยการตรวจภูมิคุ้มก้น ซึ่งแตกต่างจากการตรวจแรกถ้าให้ผลบวกอีกครั้ง ให้ตรวจครั้งที่สาม เพื่อจำนวย ไวรัส ซึ่งเรียกว่า HIV RNA test ซึ่งสามารถตรวจหาได้ภายใน 1-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ
ลักษณะอาการที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการติดเชื้อไวรัส เอช ไอ วี แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะแรก เรียกว่า การติดเชื้อระยะแรก ( acute HIV infection stage ) ซึ่งระยะนี้ อาการจะเกิดขึ้นได้ ภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะอาการจะมีลักษณะเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป จะมาด้วยอาการไข้ ปวดตามตัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามข้อ ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งในกรณีของคุณหมอขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน ในระยะนี้ไวรัสจะมีจำนวนมากดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ควรใช้สารเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ระยะต่อมา จะเป็นระยะที่ไวรัสเริ่มจะอาศัยอยู่ในตัวคนไข้ แต่จะไม่แสดงอาการอะไร เรียกว่า clinical latency stage ซึ่งคือจำนวนไวรัสอาจจะไม่ได้มีมากและระยะนี้อาจยาวนานได้ถึง 10 ปี แต่ระยะยังมีการแพร่กระจายของโรคได้
ระยะสุดท้ายระยะที่เรียกว่า เอดส์ (AIDS) ซึ่งระยะนี้ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำมากทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ขึ้นอยู่กับจำนวน CD 4 ที่เหลืออยู่
ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายกลุ่มให้เรียกใช้ ดังนั้น ถ้าคุณตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และ รักษาอย่างรวดเร็ว และไม่เพิ่มภาวะเสี่ยง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สะอาด และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คุณสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
นอกเหนือจากการติดเชื้อ เอช ไอ วี แล้วคุณควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซี และ โรคซิฟิลิส เป็นต้น
-
ถามแพทย์
-
เคยมีความเสี่ยง ไปหาหมอตรวจแต่ไม่พบ ให้ยามากิน ตรวจอีก รอผล nat อีกสามวัน ผลการตรวจหลังกินยาเชื่อถือได้ไหมครับ